แม้ว่า ตลาดคริปโตในปี 2025 จะยังอยู่ในแนวโน้ม*ขาขึ้น* แต่ราคาของเหรียญหลักบางตัวเริ่มมีการชะลอของแรงซื้อ โดย *อวาแลนเช(AVAX)* และ *คาร์ดาโน(ADA)* ต่างหยุดนิ่งอยู่ที่แนวต้านทางจิตวิทยา ขณะที่โครงการใหม่อย่าง *ดิจิแท็ป(TAP)* กลับสร้างเสียงฮือฮาในกลุ่มนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ตลอดช่วงเดือนที่ผ่านมา อวาแลนเชปรับตัวขึ้นจากราว 23 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 31,970 บาท) มาแตะระดับ 34 ดอลลาร์ (ราว 47,260 บาท) แต่ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณพักฐานที่โซน 30 ดอลลาร์ (ประมาณ 41,700 บาท) แม้จะมีข่าวการเปิดตัวแพลตฟอร์มการเงิน ‘AgriFORCE Growing Systems’ ที่พัฒนาอยู่บนอวาแลนเช และมีนักลงทุนซีอีโอชื่อดังอย่าง *แอนโทนี สการามุชี่(Anthony Scaramucci)* เข้าร่วม ก็ยังไม่สามารถผลักดันราคาได้อย่างต่อเนื่อง แม้สการามุชี่จะยังคงมองว่า AVAX เป็นแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์การลงทุนจากสถาบัน แต่ตลาดกลับให้สัญญาณ 'กลางๆ' ระหว่าง *ความหวังและข้อกังขา* อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาย้อนหลัง 1 ปี อวาแลนเชยังคงปรับขึ้นเกือบ 550% แสดงถึงผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดส่วนใหญ่
ในขณะที่ คาร์ดาโนยังคงพยายามทะลุแนวต้านที่ระดับ 0.90 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,250 บาท) หลายครั้ง แต่เจอแรงขายที่ค่อนข้างหนัก โดยล่าสุดมีข้อมูลว่า ‘วาฬ’ รายหนึ่งได้เทขาย ADA กว่า 5.3 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ราคาลงต่อและลดลงกว่า 10% ภายในเดือนเดียว มีนักวิเคราะห์บางรายเริ่มตั้งเป้าหมายเชิงลบที่ระดับ 0.60 ดอลลาร์ (ราว 830 บาท) ไว้ล่วงหน้า สถานการณ์เช่นนี้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับนักลงทุนรายย่อย
เมื่อมองกลับกัน โครงการหน้าใหม่อย่างดิจิแท็ปกำลังสร้างความประหลาดใจในตลาด ด้วยแนวคิดบัตรคริปโตจาก *วีซ่า(VISA)* ที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอน KYC โครงการสามารถระดมทุนในการขายรอบพรีเซลได้แล้วถึง 175,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 24.2 ล้านบาท) ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มนักลงทุนเริ่มหันมาสนใจโครงการใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโต มากกว่าการยึดติดกับเหรียญหลักอย่าง AVAX และ ADA
ดิจิแท็ปชูจุดเด่นด้วยการเป็น ‘แพลตฟอร์มฟินเทคสำหรับอนาคต’ ที่สามารถรวมการใช้คริปโตและสกุลเงินจริงในกระเป๋าเดียวกัน รวมถึงบริการเปิดบัญชีแบบไม่ต้องยืนยันตัวตนแบบ KYC และฟีเจอร์แปลงสกุลเงินแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ ด้วยความยืดหยุ่นในการใช้งานในประเทศที่ระบบการเงินยังไม่เข้าถึง โครงการนี้จึงถือเป็นโอกาสแปลกใหม่และดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกได้มากขึ้น แม้ TAP จะยังไม่เปิดตัวบนกระดานเทรด แต่ด้วยโมเดล ‘ลองใช้ก่อนลงทุนจริง’ ภาพรวมความพึงพอใจของผู้ใช้งานช่วงแรกอยู่ในระดับที่น่าประทับใจทีเดียว
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดชี้ว่า ดิจิแท็ปไม่ได้เป็นเพียงโทเคนเชิงทดลองทั่วไป แต่เป็น *แพลตฟอร์มทางการเงินที่ใช้งานได้จริง* และมีความต่างอย่างชัดเจนจากบล็อกเชนยุคแรกประเภทเลเยอร์-1 อย่าง AVAX และ ADA อีกหนึ่งจุดที่ดึงดูดนักลงทุนรายย่อยคือ การนำเงินลงทุนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูง จึงอาจให้ *ประสิทธิภาพการลงทุนดีกว่า* เหรียญที่ปัจจุบันจำเป็นต้องอาศัยแรงซื้อขนาดใหญ่
ในมุมมองของนักลงทุนไทย ดิจิแท็ปกลายเป็นโปรเจกต์ที่จับต้องได้ และตอบคำถามเรื่อง ‘การนำคริปโตไปใช้จริง’ ได้ชัดเจน ท่ามกลางกระแสการพักตัวของเหรียญหลัก แรงดึงดูดกำลังถูกโอนกลับมาสู่โครงการใหม่ๆ ที่มีความเป็นไปได้เชิงใช้งานแท้จริง ส่งผลให้ตลาดเริ่มเห็นเค้าโครงของการขยับจุดศูนย์ถ่วงจาก ‘เหรียญเก่าๆ’ สู่ *โครงการใหม่ที่มีศักยภาพเชิงการใช้งานจริง* มากขึ้นอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0