กลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จำนวน 18 คนจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต ได้เรียกร้องให้กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) ทบทวนกฎเกณฑ์การเก็บภาษี ‘รางวัลจากการสเตคเหรียญคริปโต’ อีกครั้ง โดยให้เหตุผลว่ากฎปัจจุบันสร้างภาระภาษีที่ไม่เหมาะสมต่อผู้ลงทุน บั่นทอนการมีส่วนร่วมในเครือข่ายบล็อกเชน และท้ายที่สุดอาจทำลายความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 24 ตัวแทนกลุ่มนักการเมืองกลุ่มนี้ได้ส่งจดหมายถึง สก็อตต์ เบสเซนต์(Scott Bessent) รักษาการผู้อำนวยการ IRS โดยเรียกร้องให้เปลี่ยนเกณฑ์การจัดเก็บภาษีจากรางวัลสเตคเหรียญ ให้เรียกเก็บเฉพาะเมื่อนำไปขายออกจริง แทนที่จะเก็บตั้งแต่ได้รับรางวัล ซึ่งอาจนำไปสู่ ‘การเก็บภาษีซ้ำซ้อน’ พวกเขาเน้นย้ำว่า ควรจัดเก็บภาษีในช่วงที่เกิดรายได้ทางเศรษฐกิจจริงเท่านั้น
ไมค์ แครีย์(Mike Carey) ส.ส.จากพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นผู้นำการรณรงค์กล่าวว่า "คำร้องนี้เป็นเพียงความพยายามง่ายๆ ที่ต้องการให้ภาษีคริปโตมีความยุติธรรม" พร้อมเสริมว่า "การยุติการเก็บภาษีซ้ำซ้อนจะถือเป็นก้าวสำคัญไปในทิศทางที่ถูกต้อง"
ปัจจุบัน ผู้สเตคโทเคนจะต้องชำระภาษีรายได้ตามมูลค่าตลาดในขณะได้รับรางวัล และหากขายเมื่อราคาสูงขึ้นก็จะต้องเสีย ‘ภาษีกำไรจากทุน’ อีกครั้ง ซึ่งผู้แทนฯ ระบุว่าแนวทางนี้ไม่สะท้อนผลกำไรที่แท้จริง โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนอย่างคริปโต นอกจากนี้ยังเป็นอุปสรรคต่อประชาชนทั่วไปที่ไม่เชี่ยวชาญด้าน IT ในการยื่นแบบภาษี
ในจดหมายยังระบุว่า "ชาวอเมริกันหลายล้านคนถือครองเหรียญในเครือข่ายบล็อกเชน และการที่พวกเขามีส่วนร่วมผ่านการสเตคจะช่วยรักษาความมั่นคงของเครือข่าย และส่งเสริมบทบาทผู้นำของสหรัฐฯ" แต่ระบบภาษีปัจจุบันกลับเพิ่มภาระทั้งทางภาษีและเอกสารจนกลายเป็นอุปสรรค
นอกจากนี้ ส.ส.แม็กซ์ มิลเลอร์(Max Miller) และสตีเวน ฮอสฟอร์ด(Steven Horsford) ยังผลักดันร่างกฎหมายภาษีคริปโตที่เน้นการผ่อนปรนเพิ่มเติม เช่น ยกเว้นภาษีสำหรับการใช้เหรียญสเตเบิลคอยน์มูลค่าต่ำกว่า 200 ดอลลาร์ (ประมาณ 29,600 บาท), ขยายเวลาการถือเป็นรายได้จากการขุดและสเตคสูงสุด 5 ปี และปรับปรุงการปรับใช้กฎภาษีให้สอดคล้องกับกฎหมายหลักทรัพย์มากขึ้น
ภายใต้ร่างกฎหมายดังกล่าว ยังรวมถึงข้อห้าม ‘วอชเซล(Wash Sale)’ ซึ่งเป็นเทคนิคการขายสินทรัพย์เพื่อแสดงขาดทุนแล้วซื้อคืนทันทีเพื่อประโยชน์ทางภาษี ทั้งนี้ โทเคนจำพวก NFT หรือโทเคนที่มีสภาพคล่องต่ำจะไม่อยู่ในขอบเขตกฎหมายนี้ แต่กรณีการกู้ยืมคริปโตที่มีสภาพคล่องสูงจะถูกขยายให้ครอบคลุมถึงกฎหลักทรัพย์ด้วย
*ความคิดเห็น*: ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของนักการเมืองสหรัฐฯ ในการทำให้ *ภาษีคริปโต* มีความยุติธรรมและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเด็น *การเก็บภาษีรางวัลสเตคเหรียญ* ที่เป็นจุดอ่อนไม่เพียงแต่ต่อผู้ลงทุน แต่รวมถึงเสถียรภาพของ *บล็อกเชนเน็ตเวิร์ก* และภาพลักษณ์ของสหรัฐฯ ในตลาดคริปโตโลกอีกด้วย
ความคิดเห็น 0