บิตคอยน์(BTC) ยังคงปรับตัวในแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สัญญาณความร้อนแรงเกินพิกัดเริ่มปรากฏให้เห็นชัด โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นถึง 39% และทะลุระดับ 105,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.53 ล้านบาท) ในช่วงสั้น ๆ ทำให้บรรยากาศของตลาดกลับมาคึกคัก และความคาดหวังว่าจะมี ‘จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล’ เริ่มแพร่กระจายในหมู่นักลงทุน อย่างไรก็ดี หลายตัวชี้วัดกลับเตือนว่าอาจเกิด ‘การปรับฐานระยะสั้น’ ได้ทุกเมื่อ
เมื่อวันที่ 24 แพลตฟอร์มข้อมูลออนเชนอย่าง Glassnode เปิดเผยว่า บิตคอยน์กำลังอยู่ในช่วง ‘การขับเคลื่อนโดยกำไร’ (Profit-Driven Phase) ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวก แต่ก็เตือนว่า ความคาดหวังที่มากเกินไปและบรรยากาศตลาดที่ ‘มองโลกในแง่ดีเกินไป’ อาจเป็นปัจจัยที่นำไปสู่การย่อตัวในระยะถัดไป โดยพบว่ามูลค่าตามราคาที่จ่ายจริงของบิตคอยน์ในปัจจุบัน (Realized Capitalization) พุ่งแตะระดับ 889,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 129.08 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นสัญญาณว่าการทำกำไรเริ่มเกิดขึ้นมากขึ้น นักวิเคราะห์คาดว่า หากราคาทะลุระดับ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.55 ล้านบาท) ก็อาจมีการขายทำกำไรในวงกว้าง
อีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกจับตาคือราคาทองคำ ซึ่งก่อนหน้านี้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับบิตคอยน์ แต่ในระยะหลังเริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรงและมีการปรับตัวลง ทำให้เกิดความกังวลว่า บิตคอยน์อาจกำลังเผชิญแรงกดดันเพื่อปรับตัวตามทองคำ โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดแรงกดดันทางจิตวิทยาจากระดับราคาสูงสุดตามฤดูกาลในช่วงปลายปี
ขณะเดียวกัน การดีดตัวของบิตคอยน์ในรอบนี้ได้ช่วยให้เหรียญจำนวนมากราว 3 ล้าน BTC ฟื้นตัวจากสถานะขาดทุนกลับมาอยู่ในโซนกำไรอีกครั้ง Glassnode ระบุว่ามีเม็ดเงินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.46 ล้านล้านบาท) ไหลเข้าสู่ตลาดในแต่ละวัน สะท้อนถึงแรงซื้อฝั่งดีมานด์ที่ยังคงแข็งแรง กลุ่มผู้ถือครองระยะสั้นที่เคยติดดอยจากจุดสูงสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ส่วนใหญ่ก็สามารถกลับมามีกำไรได้แล้ว ซึ่งช่วยเสริมให้เกิดภาวะบวกต่อราคา
‘ความคิดเห็น’ ขณะนี้นักลงทุนบางส่วนเริ่มแสดงอาการเหนื่อยล้าจากการไล่ราคาขาขึ้น พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าทิศทางในช่วงต่อจากนี้อาจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่เพียงแต่แรงขายทำกำไรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเคลื่อนไหวของราคาทองคำและปัจจัยตามฤดูกาล ซึ่งทั้งหมดอาจกำหนดทิศทางราคาของบิตคอยน์ในระยะใกล้ได้
ความคิดเห็น 0