ฟาบิโอ พาเนตตา ผู้ว่าการธนาคารกลางอิตาลีและกรรมการนโยบายของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ออกโรงเตือนอย่างหนักถึงความเสี่ยงจากการที่ธนาคารขยายกิจกรรมเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี โดยเขากล่าวว่า การที่ธนาคารจับมือกับบริษัทคริปโตอาจทำให้ลูกค้า *เข้าใจผิด* ว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเป็นบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม
พาเนตตาระบุในการนำเสนอรายงานประจำปีของธนาคารกลางอิตาลีเมื่อวันที่ 24 ว่า หากผู้ถือคริปโต “ไม่เข้าใจความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างแท้จริง” และ “คิดว่าคริปโตคือผลิตภัณฑ์ของธนาคารแบบเดียวกับเงินฝากหรือพันธบัตร” อาจทำให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่และ *บั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบการเงิน*
ทั้งนี้ อินเตซา ซานเปาโล ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี ได้ซื้อ *บิตคอยน์(BTC)* มูลค่า 1 ล้านยูโรตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยคาร์โล เมสสินา ซีอีโอบริษัทกล่าวว่าเป็นเพียงการ ‘ทดลอง’ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งนี้ได้ตั้งทีมซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลมาตั้งแต่ปี 2023 และดำเนินธุรกรรมแบบสปอตแล้วในเวลานี้
ด้านธนาคารซานตานแดร์ของสเปนเองก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้บริการคริปโตกับลูกค้ารายย่อย และ *พิจารณาออกเหรียญสเตเบิลคอยน์* ของตัวเองเช่นกัน
พาเนตตายังย้ำถึงความ *เสี่ยงของสเตเบิลคอยน์* ว่า หากไม่มีการวางกรอบกำกับดูแลที่ชัดเจน สกุลเงินดังกล่าวอาจไม่เหมาะสมต่อการใช้เป็น ‘ตัวกลางการชำระเงิน’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ผลักดันให้สเตเบิลคอยน์มีการใช้งานในระดับโลก อาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อสกุลเงินของธนาคารกลางได้
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวเหล่านี้ ธนาคารกลางยุโรปจึงมุ่งพัฒนาโครงการ *ยูโรดิจิทัล* เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้านนวัตกรรมทางการเงิน โดยพาเนตตาชี้ว่า “เพื่อให้เท่าทันกับเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง เราจึงต้องมี *เครื่องมือใหม่* ในยุคปัจจุบัน และนี่คือต้นกำเนิดของโครงการยูโรดิจิทัล”
ความคิดเห็น 0