บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวลดลง 5.5% ภายในระยะเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 27 ถึง 30 พฤษภาคม ทำให้ราคากลับมาทดสอบแนวรับที่ระดับ 104,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,425 ล้านบาท ภายในระยะเวลาเพียง 11 วัน อย่างไรก็ตาม แม้จะเผชิญกับการร่วงลงอย่างรวดเร็ว ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดกลับยังคง ‘มั่นคง’ โดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์สและออปชันที่ยังคงมีการถือสถานะในฝั่งขาขึ้น นอกจากนี้ ความต้องการใช้สเตเบิลคอยน์ในจีนยังคงต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าสถาบันการเงิน และนักลงทุนรายใหญ่ยังไม่หวั่นไหวกับความผันผวนล่าสุด
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความเชื่อมโยงระหว่างตลาดคริปโตกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐกลายเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อตลาด โดยระบุว่าความเคลื่อนไหวของบิตคอยน์ในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึง ‘ความไวต่อปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค’ อย่างชัดเจน โดยเฉพาะความผันผวนเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยและความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจซึ่งกลายเป็น ‘ตัวกระตุ้นความวิตก’
อีกปัจจัยหนึ่งคือ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่กลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง โดยมาตรการขึ้นภาษีและการควบคุมห่วงโซ่อุปทานที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงมือผลักดัน กำลังส่งผลในทางลบต่อเศรษฐกิจโลก และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่กดดันราคาบิตคอยน์เช่นกัน จากสถานการณ์นี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า บิตคอยน์อาจยังไม่สามารถขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ที่ราคา 111,970 ดอลลาร์ หรือราว 1,530 ล้านบาท ได้ในระยะสั้น
แม้ภายนอกจะเต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือน แต่ตลาดอนุพันธ์กลับยังคง ‘ส่งสัญญาณเชิงบวก’ โดยเฉพาะในตลาดเอเชียที่การซื้อขายสเตเบิลคอยน์ยังดำเนินอย่างต่อเนื่อง ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า ‘ดีมานด์ระยะยาวในสินทรัพย์ดิจิทัลยังไม่หายไป’ และก็เป็นไปได้ว่าบิตคอยน์จะสามารถฟื้นตัวจากความไม่แน่นอนระยะสั้นได้อีกครั้งในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0