กระทรวงยุติธรรมสหรัฐเผยว่ามีการยึดทรัพย์สินมูลค่า 7.74 ล้านดอลลาร์ หรือราว 107 พันล้านวอนของกลุ่มบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ หลังใช้ตัวตนปลอมสมัครงานในบริษัทสหรัฐและต่างประเทศเพื่อลอบฟอกเงินผ่าน *สกุลเงินดิจิทัล* โดยเงินที่ได้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธและหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ
จากเอกสารที่ส่งต่อศาลแขวงวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อไม่นานนี้ ระบุว่า บุคคลเหล่านี้ปลอมเอกสารระบุตัวตนเพื่อละเว้นกระบวนการพิสูจน์ตัวตน (KYC) และใช้ชื่อปลอมในการ ‘เข้าทำงาน’ กับบริษัทต่างๆ ในแบบพนักงานทางไกล พร้อมรับเงินเดือนเป็น *สเตเบิลคอยน์ดอลลาร์สหรัฐ* ผ่านวิธีซับซ้อน เช่น การปะปนธุรกรรมคริปโต การแลกเปลี่ยนโทเคน หรือแม้แต่การซื้อ NFT เพื่อ ‘ฟอกเงิน’
เงินบางส่วนถูกย้ายผ่านบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร อาทิ ชิม ฮยอนซอบแห่งธนาคารเพื่อการค้าต่างประเทศ และคิม ซังมัน แห่งบริษัทเทคโนโลยีจินยอง
นอกจากนี้ โอเพ่นเอไอรายงานว่า มีการใช้บัญชีที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือในการเข้าถึง *แชตจีพีที* เพื่อสร้างประวัติการทำงานปลอม อัตโนมัติการยื่นใบสมัคร และแม้กระทั่งวิเคราะห์เป้าหมายการสมัครงาน ส่งผลให้โอเพ่นเอไอแบนบัญชีที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ ขณะที่บางคนยังดำเนินกิจกรรมผ่าน "โน้ตบุ๊กฟาร์ม" ในรัสเซียและลาวเพื่อสร้างภาพลักษณ์เป็นพนักงานปกติ ด้านกูเกิลเองก็ลบบัญชีที่เชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือเพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวเช่นกัน
การยึดทรัพย์ในครั้งนี้เกิดขึ้นภายใต้โครงการ "DPRK RevGen" ของกระทรวงยุติธรรมที่เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 ซึ่งเน้นจัดการแหล่งเงินทุนของเกาหลีเหนืออย่างเข้มงวด โดย จิน พิโร อัยการสหรัฐฯ กล่าวว่า “การคว่ำบาตรของสหรัฐมีเหตุผลชัดเจน และเราจะเดินหน้าดำเนินคดีต่อผู้ที่สนับสนุนโครงการอาวุธผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือต่อไป” *ความคิดเห็น*: การใช้เทคโนโลยีอย่าง AI และคริปโตเพื่อเลี่ยงการคว่ำบาตรแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือยังคงปรับกลยุทธ์ตามกระแสโลกอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0