บิตคอยน์(BTC) ฟื้นตัวแตะ 105,000 ดอลลาร์ แต่ยังอ่อนตัวจากแรงกดดันหลายด้าน

บิตคอยน์(BTC) ฟื้นตัวแตะระดับ 105,000 ดอลลาร์ภายในหนึ่งวันหลังจากดิ่งลงอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน แต่ยังคงประสบปัญหาในการกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 110,000 ดอลลาร์ได้ ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความวิตกของตลาดอย่างชัดเจน โดยราคาต่ำสุดในรอบ 4 สัปดาห์ที่เพิ่งผ่านไปได้จุดประกายความไม่มั่นคงในหมู่นักลงทุน

รายงานหลายฉบับระบุว่า การร่วงลงของราคาครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่ผลจากจิตวิทยาการลงทุนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากข่าวที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เริ่มต้นเจรจาเรื่องภาษีการค้าอีกครั้ง ทำให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่าการดิ่งลงครั้งนี้อาจได้รับการจัดฉากจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลในตลาด

นักวิเคราะห์ตลาดให้ความเห็นว่า ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับการถือครองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์ของรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่บริษัทรับฝากสินทรัพย์นำสินทรัพย์คริปโตไป ‘รีไฮโพธีเคต’ หรือใช้นำไปเป็นหลักประกันซ้ำซ้อน เป็นพื้นฐานนำไปสู่ความเสี่ยงเชิงระบบ ซึ่งหากปัจจัยเหล่านี้กลายเป็นความเป็นจริง อาจส่งผลให้บิตคอยน์ไม่สามารถฟื้นตัวในระยะสั้นได้

อีกหนึ่งปัจจัยเร่งคือแรงกดดันจากการใช้ ‘เลเวอเรจ’ เกินพอดี ผู้ใช้งาน X (อดีตทวิตเตอร์) รายหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า SuperBitcoinBro ชี้ว่า การที่ราคาทรุดลงไปที่ 100,430 ดอลลาร์ในวันที่ 5 มิถุนายน เป็นผลจากนักลงทุนสาย ‘ดีเจน (degenerate)’ ที่วางเดิมพันแบบมองโลกในแง่ดีเกินจริงด้วยเลเวอเรจสูง อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สำคัญที่เร่งกระบวนการขายเกิดจากนักลงทุนประเภทวาฬรายหนึ่งซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ใช้งาน Hyperliquid ได้ถูกบังคับขายตำแหน่งขนาดใหญ่ที่บริเวณราคา 104,000 ดอลลาร์ จนกระทบราคาตามมาเป็นลูกโซ่

โดยรวมแล้ว ตลาดบิตคอยน์ยังคงอ่อนไหวและตอบสนองรวดเร็วต่อปัจจัยหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายระหว่างประเทศของทรัมป์ พฤติกรรมการซื้อขายของผู้เล่นรายใหญ่ หรือความกดดันด้านสภาพคล่องที่ยังไม่เปิดเผยอย่างชัดเจน ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นพร้อมกันหลายด้านเช่นนี้ อาจเป็นตัวจำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาบิตคอยน์ไปอีกระยะหนึ่ง