ชิบะอินุ(SHIB) แสดงสัญญาณตลาดกระทิงอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนในช่วงนี้ โดยราคาของสกุลเงินดิจิทัลมีการ ‘ทะลุแนวต้านหลัก’ ท่ามกลางโมเมนตัมเชิงบวกของตลาดคริปโตทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็ปรากฏ ‘สัญญาณภาวะร้อนแรง’ ซึ่งอาจนำไปสู่การปรับฐานในระยะสั้น
ล่าสุด ราคาของชิบะอินุ(SHIB) พุ่งแตะระดับ 0.00001548 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.1 บาท) ซึ่งถือเป็นการรีบาวด์ทางเทคนิคอย่างชัดเจน และที่สำคัญ ราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบชี้วัดดัชนี 200 วัน (EMA) ได้สำเร็จ ทำให้เริ่มมีความเห็นว่า *แนวโน้มขาลงในระยะกลางถึงยาวอาจยุติลงแล้ว* อย่างไรก็ตาม ดัชนี RSI ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคสำคัญ ได้พุ่งขึ้นสู่ระดับ 78 ซึ่งสูงเกินเกณฑ์ปกติที่ 70 ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า SHIB อาจอยู่ใน ‘ภาวะซื้อเกิน’ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะ ‘เกิดแรงขายระยะสั้น’
ขณะนี้ SHIB กำลังเข้าใกล้ช่วงแนวต้านเดิมที่ 0.000016 ถึง 0.000017 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.2 - 2.4 บาท) ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นแนวรับสำคัญก่อนการปรับฐานในเดือนมีนาคม นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่า นักลงทุนอาจเริ่ม ‘ขายทำกำไร’ ในระดับราคาดังกล่าว แต่หากราคาสามารถยืนเหนือ 0.0000145 ดอลลาร์ (ประมาณ 2 บาท) ได้ชัดเจน อาจกลายเป็น ‘สัญญาณยืนยันการกลับตัวขึ้นอย่างแท้จริง’
ในระยะกลาง แนวโน้มยังได้รับแรงหนุนจากการเกิด ‘โกลเดน ครอส’ ระหว่างเส้น EMA 50 วัน และ 100 วัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณกระทิงโดยทั่วไป หากราคายังคงยืนเหนือ 0.000014 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.9 บาท) ได้อย่างมั่นคง ก็ยังมีโอกาสพุ่งขึ้นแตะแนวต้านถัดไปที่ 0.0000185 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.6 บาท) อย่างไรก็ตาม ระดับราคานี้ก็มีโอกาสสูงที่จะกลายเป็น ‘จุดเริ่มต้นของการพักฐาน’ อีกครั้ง จึงควรเฝ้าติดตามทิศทางของปริมาณการซื้อขายและแรงขายอย่างใกล้ชิด
ในกรณีที่แรงขายเพิ่มขึ้นและปริมาณการซื้อขายลดลง SHIB อาจร่วงกลับไปที่ระดับ 0.000014 หรือในกรณีเลวร้ายที่สุดคือ 0.000013 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.8 บาท) ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาให้ ‘ตัวชี้วัดที่ร้อนแรงได้คลายตัว’ และส่งเสริมพื้นฐานที่แข็งแรงมากขึ้นในระยะยาว
สรุปแล้ว แม้การปรับตัวขึ้นของชิบะอินุ(SHIB) จะยังทรงพลัง แต่ภายใต้สภาวะของตลาดที่ร้อนแรง การระวังความเสี่ยงจาก ‘ความผันผวนในระยะสั้นและความเป็นไปได้ของการพักฐาน’ ถือเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม เพื่อให้แนวโน้มขาขึ้นเดินหน้าต่อไป การรักษาระดับราคาที่มั่นคงและปริมาณธุรกรรมที่สม่ำเสมอจะเป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะการยืนเหนือแนวรับทางเทคนิค ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของทิศทางตลาดในอนาคต
ความคิดเห็น 0