กลุ่มบริษัทจีเนียส(Genius Group) บริษัทเอ็ดดูเทครายใหญ่ในสิงคโปร์ เดินหน้า ‘กลยุทธ์บิตคอยน์(BTC)’ ระยะยาวด้วยการเพิ่มการถือครองเป็น 200BTC หรือเท่าตัว ภายใต้แผนเตรียมสำรองบิตคอยน์ให้ได้ถึง 10,000BTC ในอนาคต
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม บริษัทฯ ได้เข้าซื้อบิตคอยน์จำนวน 20 เหรียญ โดยในช่วงเวลาดังกล่าว บิตคอยน์มีราคาซื้อขายอยู่ระหว่าง 117,000 ถึง 120,600 ดอลลาร์ หรือราว 16.2 - 16.7 ล้านบาท โดยจีเนียสชี้ว่า สามารถซื้อได้ในราคาเฉลี่ย 106,812 ดอลลาร์ หรือราว 14.8 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาตลาดประมาณ 9.5% ถึง 12.9% รวมมูลค่าการซื้อทั้งหมด 2.14 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 29.7 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดขณะนั้นอยู่ที่ 2.35 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเบื้องต้นราว 216,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3 ล้านบาท
ในแถลงการณ์ บริษัทเปิดเผยว่าเป้าหมายภายในสิ้นปี 2025 คือการถือครอง 1,000BTC และจะขยับสู่อีก 10,000BTC ภายในสองปีข้างหน้า โดยหนึ่งในปัจจัยสนับสนุนหลักคือการผ่านร่างกฎหมาย ‘GENIUS’ (Government Evaluation of New Innovations in the US Act) ของสภาคองเกรสสหรัฐ ซึ่งบริษัทมองว่า จะส่งเสริมให้โครงการศึกษาแบบบล็อกเชนของตนขยายตัวในตลาดอเมริกา
ขณะเดียวกัน กลุ่มจีเนียสยังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ที่ต้องได้รับอนุมัติ (PPSI) รวมถึงเตรียมยื่นขอใบอนุญาตเป็นผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลนอกระบบธนาคาร (DASP) เพื่อตอบรับต่อการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบใหม่ๆ ในสหรัฐ โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการขับเคลื่อนระบบบล็อกเชนในการศึกษา
การเข้าซื้อบิตคอยน์ครั้งนี้ถือเป็นส่วนต่อเนื่องของนโยบายใช้รายได้จากการฟ้องร้องเป็นเงินทุนดิจิทัล ซึ่งประกาศไว้เมื่อช่วงปลายเดือนมิถุนายน บริษัทเผยว่ามีคดีฟ้องร้อง 2 คดี รวมมูลค่าเรียกร้องความเสียหายกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และมีแผนจะนำรายได้จากการชนะคดีเหล่านี้ไปใช้เพิ่มทุนในรูปแบบบิตคอยน์ โดยก่อนหน้านี้หลังชนะคดีช่วงกลางเดือนมิถุนายน จีเนียสได้ซื้อบิตคอยน์เพิ่มอีก 34 เหรียญ ทำให้การถือครองพุ่งขึ้นมากกว่า 50% ในครั้งเดียว
นอกจากนี้ กลุ่มจีเนียสยังวางแผนขยายโครงการ ‘จีเนียส อะคาเดมี’ แพลตฟอร์มการศึกษาบล็อกเชนของตน ด้วยการเพิ่มการใช้ GEM (Genius Education Merits) ซึ่งเป็นคะแนนสะสมที่ผูกกับหน่วยของบิตคอยน์ระดับ ‘ซาโตชิ’ หนึ่งหน่วย GEM จะมีค่าพอๆ กับ 1 ซาโตชิ (1 ใน 1 แสนของ 1BTC) และแม้จะไม่สามารถแลกเป็นเงินเฟียตหรือคริปโตโดยตรง แต่สามารถใช้งานเป็นคะแนนสะสมแบบไมล์สายการบิน
ในอนาคต หากได้รับใบอนุญาต PPSI แล้ว บริษัทวางแผนจะนำ GEM ไปเชื่อมต่อกับระบบสเตเบิลคอยน์ เพื่อใช้เป็นสกุลเงินดิจิทัลภายในระบบของตน นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างการชําระเงินที่ให้รางวัลโดยตรงสู่ ‘กระเป๋าเงินดิจิทัล’ แทนที่การโอนผ่าระบบการเงินแบบเก่า เช่น การจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้สอนหรือคู่ค้า
เมื่อโครงการผ่านการรับรอง DASP แล้ว จีเนียสยังเตรียมให้การเรียนการสอนและประกาศนียบัตรทั้งหมดอยู่ภายใต้สินทรัพย์ดิจิทัลที่สามารถยืนยันได้อย่างเป็นทางการ อีกทั้งยังเตรียมออกแบบระบบให้สามารถใช้ GEM หรือสเตเบิลคอยน์ของบริษัท ในการชำระค่าบริการต่างๆ เช่น ที่พัก อาหาร หรือกิจกรรมสร้างประสบการณ์นอกห้องเรียน
ร่างกฎหมาย GENIUS ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการลงนามโดยประธานาธิบดีทรัมป์ คาดว่าจะมีผลกระทบเชิงบวกต่อระบบนิเวศของอีเธอเรียม(ETH) ด้วย โดยแอนดรูว์ คีส(Andrew Keys) ซีอีโอของ Ether Machine ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า อีเธอเรียมเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมในการรองรับการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน และจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากกฎหมายดังกล่าว
ร่างกฎหมาย GENIUS ยังระบุให้มีการกำกับดูแลการออกสเตเบิลคอยน์ในระดับ ‘ทั่วประเทศ’ รวมถึงการบังคับให้มีเงินสำรอง 1:1 กับหน่วยที่ออกทั้งหมด ห้ามไม่ให้มีการออกเหรียญอัลกอริทึมที่ไม่มีการรับรอง และครอบคลุมถึงมาตรการป้องกันการฟอกเงิน นอกจากนี้ หากเกิดกรณีผู้ออกเหรียญล้มละลาย นักลงทุนจะมีสิทธิเข้าถึงเงินคืนตามลำดับความสำคัญที่ได้รับการรับรองตามกฎหมายอีกด้วย
ความคิดเห็น: หากร่างกฎหมาย GENIUS บังคับใช้จริง ย่อมส่งผลต่อวงการคริปโตครั้งใหญ่ทั้งในด้านนโยบาย ความน่าเชื่อถือ และแนวโน้มการใช้งานสเตเบิลคอยน์ในชีวิตประจำวัน
ความคิดเห็น 0