แรงเทขายในบิตคอยน์(BTC) ETF ทำให้เงินทุนไหลเข้าสู่อีเธอเรียม(ETH) ETF อย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภายในตลาดคริปโตที่เริ่มชัดเจนขึ้น โดยเมื่อวันที่ 21 บิตคอยน์ ETF มียอดเงินไหลออกสุทธิกว่า 131 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ในวันเดียวกัน อีเธอเรียม ETF กลับมียอดไหลเข้าสุทธิ 297 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงทิศทางการเคลื่อนที่ของเม็ดเงินในระดับสถาบันที่กำลังปรับเปลี่ยน
แพลตฟอร์มวิเคราะห์คริปโต 'CryptoRank' ชี้ว่า การเคลื่อนไหวลักษณะนี้สะท้อนถึงกระบวนการ 'รีบาลานซ์' ของนักลงทุนสถาบันที่เริ่มขายทำกำไรจากบิตคอยน์ หลังจากราคาปรับตัวขึ้นกว่า 10% ในเดือนกรกฎาคม และมากกว่า 25% ตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะเมื่อ BTC เข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะเดียวกัน อีเธอเรียมถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง จึงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง
แหล่งข่าวทางตลาดคาดการณ์ว่า การเปลี่ยนถ่ายของทุนในครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเคลื่อนไหวระยะสั้น แต่สะท้อนสัญญาณของ ‘การหมุนเวียนของทุน (Capital Rotation)’ ในตลาดคริปโต โดยนักลงทุนเริ่มย้ายสายตาจาก BTC ไปยังอีเธอเรียม และเหรียญอัลท์ขนาดใหญ่ (Altcoin) อื่น ๆ ซึ่งสามารถดึงดูดกระแสเงินใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น เมื่อวันที่ 16 อีเธอเรียม ETF รับเงินไหลเข้าสูงถึง 726 ล้านดอลลาร์ และในวันที่ 21 ยังเพิ่มอีก 297 ล้านดอลลาร์ รวมเป็นยอดสะสมกว่า 7.78 พันล้านดอลลาร์แล้ว
ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (derivative) ของอีเธอเรียมไม่มีทีท่าจะชะลอลง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปริมาณซื้อขายของอีเธอเรียมในตลาดฟิวเจอร์สแซงหน้าบิตคอยน์อย่างน่าจับตา ถือเป็น ‘สัญญาณ’ ว่าแรงเก็งกำไรและความต้องการใน ETH กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับกระแส ‘FOMO ETF’ และความคาดหวังการเข้าสู่ “Alt Season” ทำให้อารมณ์ร่วมในตลาดเริ่มกลับมาร้อนแรง ดัชนี Alt Season ขยับขึ้นใกล้ระดับ 60 ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบหลายเดือน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายก็เริ่มแสดงความกังวลว่าการพุ่งขึ้นเร็วในอีเธอเรียมอาจนำไปสู่การปรับฐานในระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อมีการเข้าลงทุนจากสถาบันจำนวนมาก แต่ 'CryptoQuant' กลับให้ความเห็นที่ตรงกันข้าม โดยระบุว่า ETH ยังไม่อยู่ในสภาวะร้อนแรงเกินไป และเมื่อเทียบกับจุดสูงสุดในตลาดฟิวเจอร์สช่วงเดือนมีนาคมและพฤศจิกายนปีก่อน ยังไม่มีการเปิดสถานะมากเกินไป ‘ความคิดเห็น’ นี้ชี้ว่า หากมีแรงขายระยะสั้น ก็จะไม่ลากยาวและอาจฟื้นตัวได้รวดเร็ว
อีเธอเรียมมีแนวโน้มได้เปรียบในรอบนี้หลังจากผ่านช่วงราคาต่ำและสร้างฐานมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้การฟื้นตัวในระยะต่อไปมีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2025 ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งเชื่อว่าหากกระแส bullish ของ ETH เริ่มชัดเจน ก็อาจกลายเป็นตัวนำพาตลาด ทำให้โทเคนอื่น ๆ ฟื้นตัวตาม และถือเป็นจุดเริ่มต้นของ “ฤดูอัลท์” อย่างเต็มตัว
โดยภาพรวม การที่บิตคอยน์ ETF ชะลอตัวลง ในขณะที่อีเธอเรียม ETF อยู่ในภาวะดูดเม็ดเงินอย่างต่อเนื่อง อาจส่งสัญญาณถึง ‘จุดเปลี่ยนของสินทรัพย์คริปโตผู้นำตลาด’ การตัดสินใจของทุนสถาบันในช่วงนี้ จะเป็นตัวชี้วัดว่า ETH และอัลท์คอยน์รายใหญ่จะสามารถเบียดแชมป์เก่าอย่างบิตคอยน์ขึ้นมาได้หรือไม่ในระยะยาว
ความคิดเห็น 0