ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศยุตินโยบายคริปโตของรัฐบาลไบเดนอย่างเป็นทางการ พร้อมยืนยันว่าการพุ่งขึ้นของบิตคอยน์(BTC) เกิดจากแนวทางที่เปิดกว้างของเขาต่ออุตสาหกรรมนี้ นอกจากนี้ เขายังแสดงความตั้งใจให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก
ทรัมป์กล่าวในที่ประชุม Future Investment Initiative (FII) ที่ไมอามีว่า การทำสถิติสูงสุดของบิตคอยน์ เกิดจากความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อท่าทีสนับสนุนคริปโตของเขาโดยตรง “ทุกคนรู้ว่าผมตั้งใจทำให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของคริปโต” เขากล่าว
ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งพิเศษ ‘เสริมสร้างความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ด้านเทคโนโลยีการเงินดิจิทัล’ ซึ่งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อสร้างโครงสร้างทางกฎหมายระดับรัฐบาลกลางสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล การดำเนินการนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการผ่อนคลายท่าทีที่แข็งกร้าวของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ(SEC) ต่ออุตสาหกรรมคริปโต ทรัมป์ย้ำว่า “ผมได้ยุติสงครามกับบิตคอยน์ที่ไบเดนก่อขึ้น เพื่อให้สหรัฐฯ เป็นผู้นำในด้าน AI และคริปโต”
ในขณะเดียวกัน ท่าทีสนับสนุนคริปโตของทรัมป์ก็ได้รับแรงส่งจากรัฐสภาสหรัฐฯ โดย ทิม สก็อตต์ และ เฟรนช์ ฮิลล์ กำลังผลักดันการหารือเกี่ยวกับร่างกฎหมายกำกับดูแลคริปโตครั้งใหม่ ทำให้วอชิงตัน ดี.ซี. ถูกมองว่าเป็นสภาคองเกรสที่ ‘เป็นมิตรกับคริปโต’ มากที่สุดในประวัติศาสตร์
นอกจากนี้ ทรัมป์มีบทบาทโดยตรงในตลาดคริปโต เขาได้ออกโทเคนมีม ‘TRUMP’ ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งดึงดูดความสนใจจากนักลงทุน จนสามารถทำมูลค่าตลาดได้สูงถึงหลายพันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม มูลค่าของโทเคนนี้ลดลงกว่า 50% หลังจากเมลาเนีย ทรัมป์ เปิดตัวโครงการคริปโตของเธอเอง
ไม่เพียงเท่านี้ บริษัท World Liberty Financial ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับครอบครัวทรัมป์ ก็มีการสะสมคริปโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลออนเชนเผยว่าบริษัทถือสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่า 348 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมถึง USDC, โทเคนของทรอน(TRX), อีเธอเรียม(ETH) และ อาเว(AAVE)
อุตสาหกรรมเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของทรัมป์อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดคริปโตในสหรัฐฯ นโยบายที่ชัดเจนและเป็นมิตรอาจช่วยให้ประเทศกลับมาครองความเป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0