อินฟลูเอนเซอร์คริปโต 'CP3O' ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี ฐานขุดคริปโตผิดกฎหมายกว่า 3.5 ล้านดอลลาร์

ศาลรัฐบาลกลางในนิวยอร์กตัดสินให้ *ชาร์ลส์ พาร์คส์ที่ 3(Charles O. Parks III)* หรือที่รู้จักในวงการคริปโตในชื่อ ‘CP3O’ รับโทษจำคุก 1 ปี 1 วัน จากคดี *หลอกลวงการขุดคริปโต* มูลค่ากว่า 3.5 ล้านดอลลาร์ หรือราว 139 ล้านบาท โดยเขาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคม จากการแอบใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ของบริษัทคลาวด์คอมพิวติ้งสองแห่งเพื่อขุดสกุลเงินดิจิทัล

เมื่อวันที่ 5 (เวลาท้องถิ่น) ศาลแขวงในเขตบรู๊คลิน ระบุว่า พาร์คส์ได้จัดตั้งบริษัทหลอกลวง 2 แห่ง คือ ‘MultiMillionaire LLC’ และ ‘CP3O LLC’ พร้อมอ้างว่าเป็นวิสาหกิจด้านการศึกษาทางออนไลน์เพื่อหลอกบริษัทให้บริการคลาวด์รายใหญ่ให้จัดสรรทรัพยากรให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แล้วนำไปใช้ *ขุดคริปโตโดยไม่ได้รับอนุญาต*

เหยื่อในกรณีนี้คือบริษัทลูกของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ในซีแอตเทิลและเรดมอนด์ โดยพาร์คส์ยื่นข้อมูลปลอมเพื่อเปิดหลายบัญชี และอาศัยเทคนิคการขุดที่เรียกว่า *“คริปโตแจ็กกิง(Cryptojacking)”* ซึ่งเป็นการใช้พลังประมวลผลของผู้อื่นโดยไม่แจ้งให้ทราบ เพื่อขุดคริปโตให้ตัวเอง

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า จากเดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2021 พาร์คส์สามารถขุดสกุลเงินดิจิทัลอย่าง อีเธอเรียม(ETH), ไลต์คอยน์(LTC) และโมเนโร(XMR) ได้รวมมูลค่าราว 1 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 39 ล้านบาท โดยทั้งหมดมาจากการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์แบบไม่ถูกกฎหมาย

ต่อมามีการเปิดเผยว่า พาร์คส์นำ *คริปโตที่ได้ไปฟอกผ่านตลาด NFT, ระบบชำระเงินออนไลน์ และบัญชีธนาคารต่างๆ* ก่อนแปรเป็นเงินสดเพื่อใช้ซื้อสินค้าหรูหรา เช่น รถยนต์เบนซ์, อัญมณี และตั๋วเครื่องบินชั้นหนึ่ง ล่าสุด ศาลมีคำสั่ง *ให้ริบรถเบนซ์ของเขาและสินทรัพย์มูลค่า 5 แสนดอลลาร์* ส่วนจำนวนเงินชดเชยความเสียหายจะมีการพิจารณาในภายหลัง

พาร์คส์ยังอาศัยภาพลักษณ์ “อินฟลูเอนเซอร์คริปโต” ในการหลอกลวง โดยเปิดเว็บไซต์โปรโมทบริการพิเศษ เช่น คอร์สพัฒนาแนวคิด ‘มหาเศรษฐี’ แบบรายเดือนในราคา 10 ดอลลาร์ และบริการให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวราคา 150 ดอลลาร์ โดยมีการโพสต์คลิปวิดีโอกระตุ้นความทะเยอทะยานผ่านยูทูบอย่างต่อเนื่อง

ทางด้าน *เจสสิก้า ทีช(Jessica Tisch)* ผู้อำนวยการตำรวจนิวยอร์ก กล่าวถึงกรณีนี้ว่า “พาร์คส์ใช้เทคโนโลยีอย่างผิดกฎหมายเพื่อขโมยทรัพย์สินหลายล้านดอลลาร์ นี่คือบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า *การกระทำที่ฉ้อฉลจะถูกลงโทษตามกฎหมาย*" ความคิดเห็น: คดีนี้ตอกย้ำถึงการตรวจสอบพฤติกรรมในวงการคริปโตที่ยังคงมีช่องโหว่สำหรับการหลอกลวงรูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง