ปีเตอร์ แบรนต์(Peter Brandt) เทรดเดอร์สินค้าชื่อดังที่ได้รับการยอมรับระดับตำนาน ออกมา *วิจารณ์คริปโตอย่างตรงไปตรงมา* โดยระบุผ่านโพสต์บน X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “คริปโตทำให้ X และโซเชียลมีเดียพังพินาศ” คำกล่าวของเขาก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตและชุมชนออนไลน์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากแบรนต์เป็นนักลงทุนที่เคยเข้าร่วมซื้อขายทั้งบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) มาโดยตลอด การเปลี่ยนท่าทีในครั้งนี้สะท้อน *ความเคลือบแคลงอย่างลึกซึ้ง* ซึ่งดูเหมือนจะมากกว่าความไม่พอใจชั่วครั้งชั่วคราว
สาเหตุของถ้อยแถลงดังกล่าวมีแนวโน้มมาจากการที่แบรนต์มักถูกโจมตีจากคอมเมนต์ในเชิงหวังร้ายหรือแม้แต่น้ำเสียงก้าวร้าวทุกครั้งที่เขาเผยแพร่บทวิเคราะห์ภาพทางเทคนิคหรือคาดการณ์ราคา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาแสดงท่าทีวิจารณ์ริปเปิล(XRP) จนเผชิญแรงต้านจากผู้สนับสนุน XRP หลายครั้งในอดีต แม้เขาจะประกาศชัดเจนว่าบิตคอยน์คือคริปโตที่เขาชื่นชอบ แต่สำหรับอีเธอเรียม เขามองว่าเป็นเพียง ‘เครื่องมือทำกำไร’ ตามจังหวะตลาดเท่านั้น
เมื่อเร็วๆ นี้ แบรนต์ยังกล่าวถึงแนวโน้มของราคาบิตคอยน์ว่าอาจเข้าสู่ “แบรนต์ ท็อป” (Brandt top) ซึ่งเป็นคำที่เขานิยามขึ้นเองเพื่ออธิบายแนวโน้มขาขึ้นรอบสุดท้าย โดยเขาคาดว่าอาจเกิดจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนกันยายน หากดูตามราคาปัจจุบัน บิตคอยน์ปรับลดลงมาราว 4.5% จากจุดสูงสุดที่ 124,457 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 17.2 ล้านบาท) สู่ระดับ 118,774 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16.5 ล้านบาท)
ในมุมมองของแบรนต์ เขายังคงยืนหยัดแชร์บทวิเคราะห์ของตัวเองอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งแสดงความเห็นสนับสนุนการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์รายอื่น โดยเน้นว่า “กราฟนี้แหละ สะท้อนแนวโน้มราคาบิตคอยน์ได้แม่นยำที่สุด” *ความคิดเห็น* ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแม้เขาจะยังมีมุมมองในเชิงบวกต่อการวิเคราะห์ตลาดคริปโต แต่เขาก็แสดงความกังวลต่อ “ความแตกแยกภายในชุมชน” และ “วาทกรรมเกลียดชัง” ที่บั่นทอนคุณภาพของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
ความเห็นของแบรนต์ไม่ใช่เรื่องพูดพล่อยๆ จากอารมณ์ส่วนตัว เพราะเขาคือผู้มีประสบการณ์ในตลาดมายาวนานตั้งแต่ยุค 1970s และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้ให้คำแนะนำที่มีน้ำหนักในแวดวงการลงทุน ด้วยเหตุนี้ ประเด็นที่เขายกขึ้นเกี่ยวกับ *ความเสื่อมของการสื่อสาร* ผ่านโซเชียลมีเดียจากอิทธิพลของคริปโต อาจกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่ชุมชนควรนำไปทบทวนและปรับปรุงอย่างจริงจังในอนาคต.
ความคิดเห็น 0