ในยุคที่ AI กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ‘โครงสร้างพื้นฐานด้านคอมพิวติ้ง’ กลายเป็นสิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ระบบคลาวด์แบบรวมศูนย์กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรองรับความต้องการประมวลผลขนาดใหญ่ นำไปสู่การเกิดขึ้นของ ‘เบลส เน็ตเวิร์ก(Bless Network)’ ซึ่งมุ่งใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ถูกใช้งานเพื่อสร้างโซลูชัน ‘เอดจ์คอมพิวติ้ง’ แบบกระจายศูนย์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AI มีการพัฒนาก้าวกระโดด โดยเฉพาะการเปิดตัวของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ‘ChatGPT’ ของ OpenAI ซึ่งทำให้ความต้องการด้านประมวลผลเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ระบบคลาวด์แบบเดิมมีข้อจำกัดด้านต้นทุน ความสามารถในการขยายตัว และเวลาแฝง รายงานจาก ‘ไทเกอร์ รีเสิร์ช(Tiger Research)’ ระบุว่า เบลส เน็ตเวิร์ก สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ผ่านเครือข่าย ‘เอดจ์คอมพิวติ้ง’ ที่อาศัยโหนดจากผู้ใช้ทั่วไป และอาจช่วยลดต้นทุนได้มากถึง ‘90%’ เมื่อเทียบกับโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แบบดั้งเดิม
หัวใจหลักของ เบลส เน็ตเวิร์ก คือการนำทรัพยากรคอมพิวเตอร์ที่ไม่ได้ใช้งานจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น ‘MacBook’ หรือ ‘เดสก์ท็อป’ มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งผู้ใช้สามารถแบ่งปันทรัพยากรและรับรางวัลตอบแทน ส่วนบริษัทและนักพัฒนาจะได้รับโครงสร้างพื้นฐานที่ ‘ประหยัด’ และ ‘สามารถขยายตัวได้’ นอกจากนี้ เทคโนโลยี ‘ออโต้ ออร์เคสเตรชัน’ จะช่วยเลือกโหนดที่เหมาะสม และใช้ WASM(WebAssembly) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การผสานรวมกับ ‘บล็อกเชน’ ยังช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือให้กับโครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์
ด้วยศักยภาพเหล่านี้ เบลส เน็ตเวิร์ก อาจถูกนำไปใช้ไม่เพียงแค่ในอุตสาหกรรม AI แต่ยังรวมถึง ‘โครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชน’, ‘ยานยนต์ไร้คนขับ’ และ ‘สมาร์ตซิตี้’ ซึ่งต้องการระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงแบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ แนวทางการกระจายศูนย์ของ เบลส เน็ตเวิร์ก ช่วยให้การพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานแบบรวมศูนย์ลดลง และมุ่งสู่เครือข่ายที่มีความ ‘กระจายอำนาจ’ อย่างแท้จริง รายงานจาก ไทเกอร์ รีเสิร์ช คาดการณ์ว่า เบลส เน็ตเวิร์ก อาจกลายเป็น ‘มาตรฐานใหม่ในยุค AI’ และขยายตัวไปสู่ ‘โครงสร้างพื้นฐานคอมพิวติ้งระดับโลก’ ในอนาคต
ความคิดเห็น 0