Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

เทรนด์ใหม่ปี 2025: ใช้คริปโตขอสัญชาติ! หลายประเทศเปิดทางวีซ่าทองคำสำหรับนักลงทุนดิจิทัล

เทรนด์ใหม่ปี 2025: ใช้คริปโตขอสัญชาติ! หลายประเทศเปิดทางวีซ่าทองคำสำหรับนักลงทุนดิจิทัล / Tokenpost

การใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อขอรับสัญชาติหรือลงทะเบียนถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศกำลังกลายเป็นกระแสที่ร้อนแรงในปี 2025 โดยหลายประเทศเริ่มเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถือครองคริปโต เช่น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), เหรียญสเตเบิลคอยน์ สามารถใช้ทรัพย์สินดิจิทัลเหล่านี้ยื่นขอสัญชาติหรือสมัครโปรแกรมวีซ่าทองคำ(Golden Visa) ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการโอนเงินผ่านระบบการเงินแบบดั้งเดิม

ปัจจุบัน ประเทศที่นำเสนอโปรแกรมลักษณะนี้อย่างโดดเด่น ได้แก่ เวนูอาตู, โดมินิกา, เซนต์ลูเซีย, โปรตุเกส และเอลซัลวาดอร์ โดยต่างออกแบบเงื่อนไขให้สอดรับกับกลุ่มนักลงทุนคริปโต

‘เวนูอาตู’ ถือเป็นประเทศที่ขอรับพาสปอร์ตได้เร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยใช้เวลาเพียง 30-60 วัน การยื่นขอสัญชาติสามารถทำได้ผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาต ซึ่งยอมรับการชำระเงินเป็นบิตคอยน์หรือสเตเบิลคอยน์ก่อนแปลงเป็นสกุลในประเทศ ผู้สมัครรายบุคคลต้องบริจาคอย่างน้อย 130,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) ในขณะที่ครอบครัวสี่คนอยู่ที่ 180,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.5 ล้านบาท) ข้อดีคือลักษณะการยื่นแบบออนไลน์ทั้งหมด ไม่มีข้อบังคับด้านถิ่นที่อยู่หรือภาษา จึงเหมาะกับนักลงทุนระดับโลกหรือผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพสายคริปโต

‘โดมินิกา’ และ ‘เซนต์ลูเซีย’ สองประเทศแถบทะเลแคริบเบียน ก็ได้ชื่อว่าเปิดรับคริปโตอย่างเป็นมิตร โดมินิกาต้องการเงินบริจาคขั้นต่ำ 200,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.8 ล้านบาท) ผ่านกองทุนเศรษฐกิจ ในขณะที่เซนต์ลูเซียเพิ่มความยืดหยุ่นด้วยตัวเลือกลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ มูลค่าสูงสุดที่เข้าเกณฑ์อยู่ที่ 300,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.2 ล้านบาท) ทั้งสองประเทศนั้นรองรับบิตคอยน์และเทเธอร์(USDT) ผ่านเอเยนซีที่รับผิดชอบแปลงสกุลเงินและยื่นเรื่องกับรัฐบาลโดยตรง และไม่ต้องมีการสอบภาษา หรือการพำนักจริงภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม *ความคิดเห็น* บางส่วนจากนานาชาติอาจมองโปรแกรมสัญชาติแคริบเบียนว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ระดับโลก

‘โปรตุเกส’ ซึ่งเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป(EU) มีการเปลี่ยนโครงสร้างการลงทุนวีซ่าทองคำ ไปสู่การสนับสนุนกองทุนทางเลือก เช่นการวิจัย วิทยาศาสตร์ หรือธุรกิจนวัตกรรม ผู้ลงทุนต้องมียอดขั้นต่ำ 500,000 ยูโร (ประมาณ 7.5 ล้านบาท) แม้จะไม่รับคริปโตโดยตรง แต่มีทางเลือกผ่านกองทุนที่ผูกกับบล็อกเชนหรือแพ็กเกจพิเศษเช่น ‘3BTC’ เพื่อให้ผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเข้าสู่ตลาดยุโรปได้อย่างถูกกฎหมาย

ส่วน ‘เอลซัลวาดอร์’ ได้สร้างสถิติใหม่ในปี 2023 โดยร่วมมือกับเทเธอร์ เปิดตัว 'Freedom Visa' ซึ่งเป็นโปรแกรมสัญชาติที่ใช้คริปโตเท่านั้นครั้งแรกของโลก จำนวนรับจำกัดเพียง 1,000 รายต่อปี โดยเงื่อนไขการลงทุนด้วยบิตคอยน์หรือ USDT ต้องไม่น้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 13.9 ล้านบาท) ขั้นตอนเริ่มจากการชำระค่าธรรมเนียม 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.4 แสนบาท) เพื่อลงทะเบียน จากนั้นหากผ่านการอนุมัติจะต้องลงทุนส่วนที่เหลืออีกเกือบเต็มจำนวนไปยังโครงการระดับชาติ เอลซัลวาดอร์ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศแรกที่รับรองบิตคอยน์เป็นเงินตรา ถูกจับตามองอย่างมากจากชุมชนคริปโตทั่วโลก

สถานการณ์ในปี 2025 สะท้อนว่าตลาดการขอสัญชาติผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลไม่ได้จำกัดในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่งอีกต่อไป โดยเงื่อนไขการเข้าร่วมแตกต่างกันระหว่าง 1.4 ล้านบาทไปจนถึง 13.9 ล้านบาทขึ้นอยู่กับประเทศ นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างเรื่องกระบวนการรับคริปโตโดยตรง ความสะดวกในการยื่น และสิทธิ์การเข้าถึงสหภาพยุโรป (EU) อย่างหลากหลาย *ความคิดเห็น* นักลงทุนที่มองหาวิถีชีวิตใหม่โดยไม่ยึดติดกับเขตแดนกำลังมองโปรแกรมเหล่านี้ว่าเป็น ‘บัตรประจำตัวแบบไร้พรมแดน’ สำหรับโลกยุคดิจิทัลที่แท้จริง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1