เครือข่ายพาย(Pi Network) เปิดตัวเมนเน็ต(Mainnnet) แต่ราคาดิ่งลงเกินคาด
เครือข่ายพาย(Pi Network) ซึ่งเคยเป็นที่จับตามองของนักขุดบนมือถือมาอย่างยาวนาน กลับต้องเผชิญกับการร่วงลงอย่างรุนแรงหลังเปิดตัวเมนเน็ต โดยโทเค็น PI ดิ่งลงกว่า 80% ทันทีที่เข้าสู่ตลาด สะท้อนถึงความผิดหวังของนักลงทุน
โครงการนี้เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2019 และสามารถดึงดูดผู้ใช้งานได้มากกว่า 70 ล้านคนผ่านโมเดลการขุดบนมือถือ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านสู่เมนเน็ตกลับมาพร้อมกับแรงเทขายมหาศาล โดยเฉพาะจากนักขุดยุคแรกที่เร่งขายโทเค็นของตนเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่กดดันราคา นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่าทีมพัฒนาอาจทำการขายโทเค็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดเกิดความกังวลอย่างหนัก
ปัญหาด้านเทคนิคก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่กระทบต่อความเชื่อมั่น เนื่องจากผู้ใช้จำนวนมากยังไม่สามารถผ่านขั้นตอน KYC (การยืนยันตัวตน) ได้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าถึงโทเค็น PI ได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าเครือข่ายพายจะมีแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApp) ราว 80 แอป แต่ยังถูกมองว่ายังไม่สามารถสร้างมูลค่าที่แท้จริงได้
ในขณะที่ความเชื่อมั่นต่อ PI ลดลง โครงการคู่แข่งอย่างโซแลกซี(Solaxy) กลับได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โซแลกซีเป็นโซลูชันเลเยอร์ 2 บนเครือข่ายโซลานา(SOL) และสามารถระดมทุนได้มากกว่า 22.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 327 พันล้านวอน) นักวิเคราะห์คริปโต ออสติน ฮิลตัน(Austin Hilton) มองว่าโครงการนี้มีศักยภาพในการเติบโตสูง และถือเป็นหนึ่งในมีมโทเค็นที่มีกรณีการใช้งานจริง
แนวโน้มของเครือข่ายพายในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการควบคุมแรงเทขายจากนักลงทุน โดยปัจจุบันมีการประมาณการว่าผู้ใช้กว่า 73% ยังไม่ได้ผ่าน KYC และหากพวกเขาสามารถทำธุรกรรมได้ในอนาคต อาจเกิดแรงเทขายเพิ่มขึ้นอีกระลอก
บางฝ่ายคาดการณ์ว่าหากโทเค็น PI สามารถเข้าจดทะเบียนบนแพลตฟอร์มซื้อขายหลักอย่างไบแนนซ์(Binance) หรือคอยน์เบส(Coinbase) อาจช่วยให้ราคาฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่าการขาดความชัดเจนด้านโทเคโนมิกส์ อาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นความเชื่อมั่น ดังนั้น เครือข่ายพายจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและขยายระบบนิเวศเพื่อสร้างมูลค่าที่แท้จริงมากขึ้น
ความคิดเห็น 0