ตลาดคริปโตเผชิญ ‘แรงเทขายครั้งใหญ่’ หลังถูกบังคับปิดเลเวอเรจมูลค่ากว่า 17,000 ล้านดอลลาร์ในวันเดียว
ตลาดคริปโตทั่วโลกเกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อมีการ *บังคับปิดโพซิชันเลเวอเรจ* คิดเป็นมูลค่าถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 6.3 แสนล้านบาท) ภายในวันเดียว ซึ่งถือว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024 เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำอย่าง *บิตคอยน์(BTC)* และ *ริปเปิล(XRP)* รวมถึงเหรียญทางเลือกอื่นๆ จนเชื่อว่ามีผู้ลงทุนกว่า 390,000 รายถูก ‘ล้างโพซิชัน’ ทั้งหมด
สกุลเงินที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ *อีเธอเรียม(ETH)* โดยมีการเคลียร์โพซิชันมูลค่า 501.6 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.87 หมื่นล้านบาท) รองลงมาคือ บิตคอยน์ ที่มูลค่า 287 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.07 หมื่นล้านบาท), *โซลานา(SOL)* ที่ 95.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6 พันล้านบาท), *ริปเปิล(XRP)* ที่ 77.9 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.9 พันล้านบาท) และ *ดอจคอยน์(DOGE)* ที่ 61.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.3 พันล้านบาท) ขณะที่กลุ่มเหรียญทางเลือกอื่นๆ รวมแล้วมีมูลค่าการล้างโพซิชันประมาณ 257.6 ล้านดอลลาร์ (ราว 9.6 พันล้านบาท)
ในรายงานระบุว่า *OKX* ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ มีบัญชี BTC-USDT สัญญาซื้อขายล่วงหน้าแบบสวอป ถูกปิดโพซิชันมูลค่ามหาศาลถึง 12.74 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 470 ล้านบาท) เพียงรายการเดียว ทำให้บรรยากาศตึงเครียดในตลาดทวีความรุนแรงขึ้น
น่าสังเกตว่า *กว่า 95% ของมูลค่าการบังคับปิดโพซิชันทั้งหมด* มีสาเหตุมาจากฝั่งซื้อ (Long Position) คิดเป็น 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ส่วนขาดทุนจากฝั่งขาย (Short Position) อยู่ที่เพียง 85.9 ล้านดอลลาร์เท่านั้น ความไม่สมดุลนี้ตอกย้ำว่าตลาดน่าจะเคลื่อนไหวสวนทางกับความคาดหวังของนักลงทุนส่วนใหญ่
เบื้องหลังการร่วงลงอย่างฉับพลันครั้งนี้เกิดจากปัจจัยหลายด้าน โดยเฉพาะราคาของ *อีเธอเรียม* ที่ดิ่งลงเกือบ 10% ภายในวันเดียว ขณะเดียวกันราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยกลับทำจุดสูงสุดใหม่ สะท้อนถึงความวิตกของนักลงทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า *Bybit* ถูกแฮ็ก แต่ทางแพลตฟอร์มได้รีบออกมาปฏิเสธโดยระบุว่า “ระบบและเงินทุนของผู้ใช้งานยังปลอดภัยและดำเนินงานตามปกติ”
แรงเทขายครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงก่อนที่นักลงทุนคาดว่าจะเป็น *‘อัปโทเบอร์’ (Uptober)* ซึ่งตามสถิติในอดีต บิตคอยน์เคยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยในเดือนตุลาคมสูงถึง 15% ในขณะที่อีเธอเรียมก็มีเดือนตุลาคมที่โดดเด่นในปี 2020 และ 2021 โดยเติบโต 58.7% และ 42.8% ตามลำดับ จึงมีความเห็นว่าครั้งนี้อาจเป็นจุดชี้ชะตาว่าตลาดจะกลับตัวขึ้นหรือทรุดตัวลงต่อ
ด้าน *창펑 자오(CZ)* ผู้ก่อตั้ง *ไบแนนซ์* แสดงความคิดเห็นว่า “แรงเทขายรุนแรงเป็นเพียงกระบวนการสร้างแนวรับใหม่” พร้อมชี้ว่าตลาดกำลังปรับฐานเพื่อเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว
*ความคิดเห็น:* แม้กระแสการ ‘ล้างพอร์ต’ ครั้งใหญ่จะทำให้ผู้ลงทุนจำนวนมากเจ็บตัวในระยะสั้น แต่สำหรับนักวิเคราะห์บางรายถือว่านี่อาจเป็นโอกาสในการสร้างฐานที่แข็งแรงขึ้นสำหรับการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในอนาคต
ความคิดเห็น 0