บิตคอยน์(BTC) ได้ทำสถิติใหม่ด้วยการมีเงินไหลเข้าสุทธิในรอบสัปดาห์สูงถึง 3.55 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4.9 ล้านล้านวอน ซึ่งกลายเป็นยอดสัปดาห์ที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีแรงซื้อของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การลงทุนสุทธิรวมทั้งตลาดกว่า 5.95 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8.2 ล้านล้านวอน
มูลค่าการไหลเข้าของเงินครั้งนี้ถูกมองว่าเกิดขึ้นตามหลังสัญญาณการลดดอกเบี้ยจากคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ (FOMC) ประกอบกับข้อมูลการจ้างงานของ ADP ที่ตกต่ำ และความกังวลเรื่องรัฐบาลสหรัฐมีโอกาส ‘ชัตดาวน์’ ได้ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้บิตคอยน์ยืนตำแหน่ง ‘สินทรัพย์ปลอดภัยในรูปแบบดิจิทัล’ ได้อีกครั้ง ส่งผลให้สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AuM) ของตลาดคริปโต พุ่งขึ้นสู่ระดับ 254 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 354 ล้านล้านวอน
กระแสเงินทุนยังสะท้อนว่า ‘ตลาดโดยรวม’ กำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัว อีเธอเรียม(ETH) มีเงินไหลเข้าสัปดาห์เดียวกว่า 1.48 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2 ล้านล้านวอน ทำให้ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีแตะ 13.7 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 19 ล้านล้านวอน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่โซลานา(SOL) ก็สร้างสถิติใหม่ด้วยเงินไหลเข้า 706.5 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 9.8 แสนล้านวอน สะสมปีนี้ที่ 2.58 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.5 ล้านล้านวอน และริปเปิล(XRP) ก็ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 219.4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3 แสนล้านวอน
ในด้านโครงการอื่น ๆ ยังมีเงินลงทุนไหลเข้าอย่างต่อเนื่องแต่ด้วยมูลค่าน้อยกว่า เช่น ซุย(SUI) ดึงดูดได้ 3.4 ล้านดอลลาร์, เชนลิงก์(LINK) 1.5 ล้านดอลลาร์, ไลต์คอยน์(LTC) 1.2 ล้านดอลลาร์ และ อีดา(ADA) ที่ 5 แสนดอลลาร์ หรือราว 7 พันล้านวอน อย่างไรก็ตาม กองทุนแบบ Multi-Asset ซึ่งกระจายการลงทุนในหลายคริปโต กลับมีเงินไหลออกสุทธิ 23.5 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 327 พันล้านวอน สะท้อนการปรับพอร์ตของนักลงทุน
ในเชิงภูมิศาสตร์ สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำในการดึงดูดเงินลงทุน โดยมีเงินไหลเข้าสุทธิถึง 5 พันล้านดอลลาร์หรือประมาณ 6.95 ล้านล้านวอน ถือเป็นสถิติต่อประเทศสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามมาด้วยสวิตเซอร์แลนด์ที่ 563 ล้านดอลลาร์, เยอรมนี 312 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ แคนาดา ออสเตรเลีย ฮ่องกง และบราซิล ก็มีเงินไหลเข้าสุทธิระดับหลายสิบล้านดอลลาร์ ส่วนสวีเดนเพียงประเทศเดียวที่มีเงินไหลออกสุทธิ 8.6 ล้านดอลลาร์
ในช่วงก่อนเข้าสู่เดือนตุลาคม บรรยากาศในตลาดบิตคอยน์กำลังผสมผสานระหว่าง ‘ความตึงเครียด’ และ ‘ความหวัง’ โดย QCP Capital รายงานในบทวิเคราะห์ว่า นักลงทุนรายใหญ่ (Whales) ได้มีการจัดสรรพอร์ตใหม่และบางส่วนรอจังหวะเพื่อเข้าซื้อเพิ่ม ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองว่าตลาดอาจเริ่มได้แรงส่งในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านตลาดฟิวเจอร์ส ก็เกิดสัญญาณ ‘ความร้อนแรง’ เกินพอดี โดย Hyperliquid พบว่าค่า Funding Rate สูงถึง 29% ขณะที่ Deribit พุ่งสูงเกิน 35% ซึ่งอาจสะท้อนถึงการใช้ Leverage มากเกินไป และอาจนำไปสู่การ Liquidate ขนาดใหญ่เหมือนกรณีความเสียหาย 3 พันล้านดอลลาร์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
ตลาดออปชันเองก็อยู่ในภาวะผันผวน โดยราคาสำหรับรายการ Option ที่จะ Expire สิ้นเดือนตุลาคม ถูกขยับขึ้นไปอยู่ระหว่าง 126,000 ถึง 128,000 ดอลลาร์ ซึ่งแม้จะมีความกังวลว่าราคาบิตคอยน์ยังไม่พบ ‘แรงขับที่แท้จริง’ แต่การกลับมาได้รับความสนใจในฐานะ ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ เหนือกว่าทองคำในช่วงที่มีความไม่แน่นอนด้านมหภาค เช่น ความเสี่ยงเรื่องชัตดาวน์ ก็ถือเป็นสัญญาณบวก
สุดท้าย ตัวเลขยอดบิตคอยน์คงเหลือในกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี ทำให้เกิดความคาดหวังเพิ่มเติมต่อ ‘ภาวะขาดแคลนบนกระดาน’ ที่อาจส่งเสริมให้ราคาพุ่งขึ้นได้ นักวิเคราะห์และนักลงทุนจึงจับตามองว่า บิตคอยน์จะสามารถสร้าง ‘แรลลีเดือนตุลาคม’ ได้จริงหรือไม่
ความคิดเห็น 0