ตลาดคริปโตเผชิญแรงสั่นสะเทือนรุนแรงจากความผันผวนแบบสายฟ้าแลบ โดยเฉพาะในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และริปเปิล(XRP) ถูกเทขายอย่างหนัก ทำให้ราคา XRP ร่วงลงกว่า 42% ภายในเวลาเพียงหนึ่งวัน ท่ามกลางแรงเทขายทั่วทั้งตลาด อย่างไรก็ตาม ชุมชนผู้ตรวจสอบบนระบบ XRP เลจเจอร์ (XRPL) และสเตเบิลคอยน์ *RLUSD* จากบริษัทริปเปิลกลับมีท่าทีเยือกเย็น พร้อมเน้นย้ำถึง ‘ความยั่งยืนของระบบนิเวศ XRP’ แม้เผชิญแรงกระแทกจากความผันผวนรุนแรงก็ตาม
ข้อมูลจากตลาดเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ระบุว่า XRP เคยพุ่งแต่ต้องถอยตัวแรงจากระดับ 2.83 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,935 บาท) ลงไปสู่ 1.77 ดอลลาร์ (ราว 2,460 บาท) ภายในวันเดียว ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้ ราคาก็อยู่ในทิศทางอ่อนตัวต่อเนื่องหลังจากแตะจุดสูงสุด 3.10 ดอลลาร์เมื่อช่วงต้นตุลาคม
จากจังหวะการร่วงลง เส้นค่าเฉลี่ยบนกราฟราคาระยะสั้นก็เริ่มส่งสัญญาณ ‘เดธครอส (Death Cross)’ ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ถึงภาวะตลาดขาลงอย่างชัดเจน บวกกับแรงกดดันจากการเทขายทำให้เกิดการชอร์ตสั้นอย่างรุนแรง โดยรายงานจาก CoinGlass ระบุว่า ในระยะเวลา 24 ชั่วโมง มีการล้างพอร์ต (Liquidation) รวมมูลค่ากว่า 193.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 26.9 ล้านล้านบาท) ในจำนวนนั้น 53.8 พันล้านดอลลาร์เป็นบิตคอยน์ และอีกกว่า 140 พันล้านดอลลาร์เป็นอัลต์คอยน์รวมถึง XRP
แรงขายนี้ทำให้ XRP หลุดจากอันดับเดิมในตลาด กลายมาอยู่อันดับ 5 เมื่อดูจากมูลค่าตลาด มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 146.73 พันล้านดอลลาร์ (ราว 204.8 ล้านล้านบาท) โดยราคาล่าสุดของ XRP อยู่ที่ 2.44 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,392 บาท) ลดลง 14% ภายใน 24 ชั่วโมง และลดลง 19% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
แม้เผชิญกับพายุความผันผวน ผู้ตรวจสอบบนเครือข่าย XRP เลจเจอร์ที่ใช้ชื่อว่า Vet กลับแสดงความมั่นใจว่า “XRP และ XRP เลจเจอร์ไม่ได้จะหายไปไหน” พร้อมเสริมว่า ความผันผวนเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของเทคโนโลยีบล็อกเชน และ XRPL ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งภายใต้สถานการณ์เลวร้ายมาโดยตลอด
นอกจากนี้ สเตเบิลคอยน์ *RLUSD* ที่ออกโดยริปเปิลยังสามารถรักษามูลค้าได้ตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD pegging) แม้ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดสูง นับเป็นการผ่านด่านทดสอบแรงกดดันทางตลาดครั้งแรกของ RLUSD นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนธันวาคม 2024 ในขณะที่สินทรัพย์สเตเบิลคอยน์รายอื่น เช่น USDE ของเอเธนา(ENA), BNSOL และ WBETH กลับไม่สามารถรักษาระดับมูลค่าได้ ทำให้เกิดการบังคับชำระบัญชี (force liquidation) ในหลายแพลตฟอร์ม
คอนเนอร์ โกรแกน(Conor Grogan) กรรมการของคอยน์เบส มองว่า เหตุการณ์นี้ถือเป็น ‘แฟลชแครช’ ครั้งรุนแรงที่สุดสำหรับอัลต์คอยน์เท่าที่เคยเกิดขึ้น พร้อมระบุว่า นี่จะเป็นบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึง ‘ช่องโหว่ของโครงสร้างตลาดและการพึ่งพาเลเวอเรจเกินตัว’ ในระบบคริปโต
ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเห็นพ้องว่า ความปั่นป่วนในครั้งนี้เป็นโอกาสในการทดสอบ ‘ความทนทานของสินทรัพย์หลัก’ อย่าง XRP และวัดความสามารถในการดูดซับความเสี่ยงผ่านระบบบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย (Distributed Ledger) ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มปรับเปลี่ยนจากการลงทุนตามเทรนด์ไปสู่การให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือด้านเทคโนโลยี ท่ามกลางตลาดที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ ความต่างระหว่างสินทรัพย์ที่เชื่อถือได้กับสินทรัพย์ที่ไม่มั่นคงจึงยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0