กลยุทธ์การใช้ AI เพื่อค้นหาเหรียญที่มีแนวโน้มราคาจะพุ่งสูงกำลังได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเครื่องมืออย่างแชตจีพีที(ChatGPT) และ AI แบบสร้างสรรค์ถูกนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลแบบละเอียดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แนวทางใหม่นี้ไม่เน้นแค่พึ่ง ‘โชค’ ของตลาดเหมือนแต่ก่อน แต่ใช้ข้อมูลเทคนิค ดาต้าออนเชน และอารมณ์นักลงทุนจากโซเชียลมีเดียมาประกอบกันเพื่อ ‘ลดความเสี่ยง’ และ ‘เพิ่มโอกาสในการทำกำไร’
หนึ่งในจุดเด่นของแชตจีพีทีคือความสามารถในการสแกน ‘ปฏิกิริยาเริ่มต้นของตลาด’ ต่อเหรียญเกิดใหม่ โดยวิเคราะห์จากเมนต์โซเชียลมีเดียและพาดหัวข่าว เช่น การใส่โพสต์จาก X หรือ Reddit เกี่ยวกับเหรียญใดเหรียญหนึ่ง แล้วให้ AI ช่วยวิเคราะห์ว่า ความคิดเห็นโดยรวมมีแนวโน้ม ‘เป็นบวกหรือลบ’ และประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคืออะไร วิธีนี้ช่วยให้ผู้เทรดทราบได้เบื้องต้นว่า ตอนนี้ ‘กระแสตลาด’ ยังเป็นกลาง หรือเริ่มเอนเอียงไปทางบวกอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากเรื่องความรู้สึกนักลงทุน การวิเคราะห์การเติบโตของระบบนิเวศผ่านดาต้า Defi ก็เป็นอีกวิธีที่น่าสนใจ เช่น การนำข้อมูล Total Value Locked (TVL) 30 วันที่ผ่านมา จาก DeFiLlama มาให้แชตจีพีทีจัดเรียงตามโปรโตคอลหรือประเภทที่โตเร็วที่สุด วิธีนี้ช่วยให้เห็นว่าโครงการไหน ‘มีสัญญาณดึงสภาพคล่องและความสนใจได้จริง’ ไม่ใช่แค่เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจในเชิงเทคนิคเท่านั้น
MEXC Research เคยเปิดเผยว่า ในปี 2025 มี ‘67% ของนักเทรดกลุ่ม Gen Z’ เคยใช้กลยุทธ์ซื้อขายที่มี AI เป็นตัวช่วย หรือเกี่ยวข้องกับบอทอัตโนมัติในช่วง 90 วันที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือเสริมอีกต่อไป แต่เริ่มกลายเป็น ‘พื้นฐานของการเทรดยุคใหม่’ แล้วในกลุ่มผู้ใช้งานอายุน้อย
เทรดเดอร์ระดับสูงยังสามารถยกระดับการวิเคราะห์ AI ด้วยข้อมูลเชิงเทคนิค เช่น RSI, MACD, ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 และ 200 วัน นำมาใส่ให้แชตจีพีทีประเมินว่า ตลาดกำลังอยู่ในโซนซื้อเกินจริง หรือเตรียมเข้าสู่ช่วงขาลง ซึ่งเป็นการเพิ่มระดับ "การตีความข้อมูลเทคนิค" ให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย และตอบสนองได้รวดเร็ว
ในด้านดาต้าออนเชน ยังสามารถใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมกระเป๋าสตางค์ขนาดใหญ่ หรือ ‘สมาร์ทมันนี่’ ได้ หากพบว่า ‘กระเป๋าที่เคยทำกำไรสูงในอดีต’ เริ่มเปิดสถานะซื้อซ้ำอีกครั้ง อาจเป็นสัญญาณบวกที่ควรติดตาม ในทางกลับกัน หากมีการถอนออกต่อเนื่อง อาจแปลว่าตลาดเข้าสู่ช่วงกระจายเหรียญแล้ว
สุดท้าย การใช้ ‘เครื่องมือ AI หลายแบบ’ ร่วมกัน และนำผลลัพธ์มาตัดสินใจอย่างมีระบบ คือเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น การผสานข้อมูล ‘ความปลอดภัยของสัญญา’, ‘คะแนนโทเคโนมิกส์’, ‘การจับสัญญาณผิดปกติ’, และ ‘การจัดกลุ่มอัลกอริธึม’ เข้าไว้ด้วยกัน สามารถสร้าง ‘ตัวสแกนเหรียญอัตโนมัติแบบประสิทธิภาพสูง’ ได้ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ ‘ค้นหาโอกาสในตลาดล่วงหน้า’ ได้แบบไม่ต้องรอให้กระแสตามมา เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมกลยุทธ์นี้จึงถูกยอมรับอย่างแพร่หลายในตอนนี้
ความคิดเห็น 0