ไบแนนซ์เจแปนคว้าการลงทุนจาก *ซอฟต์แบงก์* และ *เพย์เพย์* สองยักษ์ใหญ่ฟินเทคของญี่ปุ่น ด้วยการขายหุ้นจำนวน ‘40%’ ซึ่งนับเป็นการจับมือกันครั้งสำคัญระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมและโลกคริปโตในญี่ปุ่น โดยนักวิเคราะห์มองว่าข้อตกลงนี้อาจกลายเป็น *จุดเปลี่ยนสำคัญ* ที่ช่วยผลักดันการเติบโตของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศญี่ปุ่น
จางเผิงจ้าว (Changpeng Zhao หรือ CZ) ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์ เปิดเผยความร่วมมือดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์มทวิตเตอร์(X) พร้อมโพสต์ภาพถ่ายร่วมกับ มาซาโยชิ ซน ประธานซอฟต์แบงก์ ขณะแสดงสัญญาการร่วมลงทุน โดยเขาอธิบายว่าข้อตกลงนี้ "ไม่ใช่แค่การลงทุนทางการเงินธรรมดา" แต่คือการมาบรรจบกันระหว่าง “วัฒนธรรมทางการเงินที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง” ถือเป็น ‘เหตุการณ์ประวัติศาสตร์’ ในแง่มุมของนวัตกรรมทางการเงิน
ทั้งนี้ หุ้น 40% ที่ขายให้เกิดจากการร่วมลงทุนโดยซอฟต์แบงก์และเพย์เพย์ร่วมกัน แม้จะไม่มีการเปิดเผยมูลค่าอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่าเป็นดีลระดับ ‘หลายหมื่นล้านเยน’ หรือประมาณ ‘หลายพันล้านบาท’ โดยเฉพาะเพย์เพย์ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานในญี่ปุ่นเกิน 70 ล้านคน ทำให้ไบแนนซ์สามารถใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้นี้ขยายโครงสร้างพื้นฐานด้านบล็อกเชนอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับผู้ใช้งานโดยตรง การเปลี่ยนแปลงจะรู้สึกได้ทันทีเมื่อไบแนนซ์เจแปน เตรียมเปิดให้บริการแปลงเงินระหว่างเยนและคริปโตโดยตรงผ่าน ‘เพย์เพย์มันนี่’ แบบเรียลไทม์ ทำให้การซื้อขายและถอนเงินกลายเป็นเรื่องง่ายเพียงปลายนิ้ว คล้ายกับการใช้บล็อกเชนในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยาก จึงถูกมองว่าเป็นกรณีตัวอย่างของการผสาน ‘เทคโนโลยีบล็อกเชนกับระบบการเงินในโลกจริง’
อย่างไรก็ดี ความร่วมมือนี้ไม่ได้มีเพียงเทคโนโลยีและเงินทุนเป็นหัวใจสำคัญ ฝ่ายใกล้ชิด CZ เปิดเผยว่า ปรัชญาร่วมของทั้งสองบริษัทในการมุ่งสู่ ‘สังคมไร้เงินสด’ คือปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เกิดข้อตกลง ทั้งนี้ แม้ญี่ปุ่นยังถือเป็นสังคมที่ใช้เงินสดสูง แต่หลังช่วงโควิด-19 ความต้องการระบบชำระเงินดิจิทัลได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภาครัฐและภาคเอกชนเร่งพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลต่อเนื่อง
ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มี ‘กฎระเบียบเข้มงวด’ แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นตลาดที่สร้าง *ความเชื่อมั่นสูง* ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคหลักที่บริษัทคริปโตระดับโลกหลีกเลี่ยงที่จะเข้ามา แต่ด้วยความร่วมมือครั้งนี้ ไบแนนซ์ได้รับพลังสนับสนุนจากพันธมิตรในประเทศที่แข็งแกร่งอย่างซอฟต์แบงก์ ช่วยให้สามารถปรับตัวต่อข้อกำกับได้สะดวกขึ้น ขณะที่ซอฟต์แบงก์เองก็เปิดประตูสู่โลกของเทคโนโลยีบล็อกเชนจากภายใน
นักวิเคราะห์ในแวดวงมองว่าความร่วมมือดังกล่าวคือ *ดีลที่ใหญ่ที่สุดของปีในวงการคริปโตญี่ปุ่น* โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากบทบาทของซอฟต์แบงก์ในฐานะตัวแทนของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม และเพย์เพย์ที่เป็นศูนย์กลางการจับจ่ายใช้สอยของชาวญี่ปุ่น ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าไบแนนซ์มีแผนจะหยั่งรากลึกในเศรษฐกิจของญี่ปุ่นมากกว่าการเป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มซื้อขาย ทั้งนี้ การจับตาว่า เทคโนโลยีบล็อกเชน จะฝังลึกเข้ากับโครงสร้างเศรษฐกิจจริงของญี่ปุ่นได้มากน้อยเพียงใดยังถือเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด.
ความคิดเห็น 0