หลังจากทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ตลาดคริปโตทั่วโลกก็เข้าสู่ภาวะวิกฤตแทบจะในทันที โดยภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง สินทรัพย์ดิจิทัลเกือบทั้งหมดรวมถึง *บิตคอยน์(BTC)* ร่วงลงในระดับสองหลัก และนักลงทุนมากกว่า 1.6 ล้านรายประสบความเสียหายจากการขาดทุนครั้งใหญ่ เหตุการณ์ดังกล่าวยังนำไปสู่การ *ล้างพอร์ต* มูลค่ามหาศาลในตลาดอนุพันธ์ถึง 19,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 26.4 ล้านล้านวอน ซึ่งนับเป็นการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของคริปโต
ในขณะที่ความผันผวนนั้นยังไม่คลี่คลาย *คริส มาซาเล็ก(Kris Marszalek)* ซีอีโอของ *คริปโตดอทคอม(Crypto.com)* ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลเข้าตรวจสอบเหตุการณ์อย่างรอบคอบ เขาระบุว่าหลายแพลตฟอร์มมีปัญหาในการดำเนินคำสั่งซื้อขายในช่วงเวลาวิกฤต โดยบางแห่งถึงกับขัดข้องนานถึง 2 ชั่วโมง มาซาเล็กย้ำว่า “บทบาทของผู้กำกับดูแลมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาระเบียบของตลาดและการคุ้มครองผู้ใช้” พร้อมเรียกร้องให้มีการเปิดเผยระบบการป้องกันการฟอกเงิน การควบคุมการซื้อขายภายใน และความโปร่งใสของกระบวนการทำงานอย่างชัดเจน
ใน *แพลตฟอร์ม X* (เดิมทวิตเตอร์) มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า *ตลาดรวมศูนย์ (CEX)* หลายแห่ง รายงานตัวเลขการล้างพอร์ตต่ำกว่าความเป็นจริง ข้อมูลบางแหล่งชี้ว่าในแพลตฟอร์มอย่าง *ไบแนนซ์* ราคาของอัลท์คอยน์อย่าง *คอสโมส(ATOM)* ร่วงลงถึง 99.9% และอัลท์คอยน์อื่น ๆ ก็ดิ่งลงระหว่าง 60-70% ซึ่งเป็นระดับที่เลวร้ายกว่าช่วงวิกฤตก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
มาซาเล็กกล่าวเพิ่มเติมว่า “ในสถานการณ์ที่มีการล้างพอร์ตถึงเกือบ 20,000 ล้านดอลลาร์ ไม่ใช่แค่ 20 ล้านดอลลาร์ นักลงทุนหลายล้านรายได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง” โดยเขาย้ำว่าตลาดควรตอบคำถามสำคัญอย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นราคาซื้อขายที่ตั้งตามดัชนีจริงหรือไม่, ระบบตรวจสอบธุรกรรมที่ผิดปกติทำงานตามที่ควรหรือไม่, และทีมเทรดภายในถูกแยกจากระบบการซื้อขายหลักมากน้อยเพียงใด
เหตุการณ์การล้างพอร์ตในระดับมหาศาลครั้งนี้ไม่ใช่แค่ปัญหาเฉพาะของแต่ละแพลตฟอร์ม แต่เป็น *สัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง* ของทั้งระบบคริปโต ความเชื่อมั่นในตัวตลาด ความพร้อมของหน่วยงานกำกับดูแล และความโปร่งใสของระบบ ล้วนกำลังถูกทดสอบอย่างหนัก อุตสาหกรรมทั้งหมดกำลังจับตามองว่าผลลัพธ์ของวิกฤตครั้งนี้จะนำไปสู่การ *ฟื้นฟูระบบ* หรือซ้ำเติมปัญหาเดิมที่เรื้อรัง
ความคิดเห็น 0