ริปเปิล(XRP) กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในตลาดคริปโต หลังจากร่วงลงอย่างรุนแรงก่อนจะดีดตัวขึ้นถึง *160%* ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นแม้จะอยู่ท่ามกลางแรงกระแทกจากการประกาศมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการเทขายสินทรัพย์ขนาดใหญ่ราว 20,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 278,000 ล้านบาท) แต่หลังจากที่ XRP ร่วงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ในบางแพลตฟอร์ม ก็สามารถพุ่งทะยานกลับขึ้นถึง 2.60 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,614 บาท) ได้อย่างรวดเร็ว
แรงกระตุ้นสำคัญเกิดจากนโยบายภาษีนำเข้า *100% ต่อสินค้าจีน* ของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งสร้างความผันผวนให้ตลาดคริปโตโดยรวม บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ต่างก็ร่วงตามแรงกดดันจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม หลังจากการประกาศนโยบาย ตลาดเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ และ XRP ก็สามารถฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดได้ในเวลาอันสั้น ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นผลผสมจาก *การปรับฐานทางเทคนิคและการบีบเลเวอเรจ* ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
ข้อมูลจาก B2BINPAY ระบุว่า การสนับสนุนจากนักลงทุนสถาบันมีส่วนสำคัญต่อการฟื้นตัวของ XRP โดยในช่วงต้นเดือนตุลาคม จำนวนเงินที่หลั่งไหลเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ลงทุน ETP ที่อ้างอิงกับ XRP สูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ (ราว 2,780 ล้านบาท) ขณะที่ ETP ทั้งหมดในตลาดดึงเงินลงทุนกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 83,400 ล้านบาท) ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่า หลังจากที่ริปเปิลปิดข้อพิพาททางกฎหมายกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมา
ในแง่การวิเคราะห์ทางเทคนิค XRP ยังมีแนวโน้มเชิงบวก โดย B2BINPAY ชี้ว่าแนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ช่วง 2.80-3.00 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,892–4,170 บาท) หากราคาทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าว อาจมีโอกาสขึ้นถึง 3.40–3.70 ดอลลาร์ (ราว 4,726–5,131 บาท) ในทางกลับกัน หากโมเมนตัมเริ่มลดลง XRP อาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบระดับ 2.50–2.70 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,475–3,753 บาท) ไปก่อน
ด้านแนวโน้มระยะยาว บริษัทวิเคราะห์ข้อมูล ChartNerd เผยว่า XRP ได้ทะลุกรอบการสะสมรูปสามเหลี่ยมที่กินเวลายาวนานตั้งแต่ปี 2018 ในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยมีการคาดการณ์ว่า ราคาของ XRP อาจแตะระดับระหว่าง 14–28 ดอลลาร์ (ประมาณ 19,460 – 38,920 บาท) ภายในปี 2026–2028 ตามการขยายตัวของแนวโน้ม Fibonacci แม้จะเป็นการคาดการณ์ที่ค่อนข้าง ‘รุก’ แต่ก็เน้นให้เห็นว่า XRP ยังคงมี ‘พลังเชิงเทคนิค’ ในเชิงบวก
ในระดับมหภาค ปัจจัยอย่าง *การอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ*, *สัญญาณบรรเทาความตึงเครียดจีน-สหรัฐ* และ *การกลับเข้ามาของเงินทุนจากสถาบัน* ล้วนเสริมแรงหนุนให้ XRP และตลาดคริปโตโดยรวม แม้อาจเผชิญการปรับฐานในระยะสั้น แต่การดีดกลับที่รุนแรงของ XRP แสดงให้เห็นว่า *ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์นี้ยังคงแข็งแกร่ง* ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากเชื่อว่า ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงของ ‘การรอจังหวะช้อนซื้อ’ เพื่อเตรียมรับการขึ้นรอบใหม่อีกครั้ง
ความคิดเห็น 0