ความร่วมมือระหว่าง ‘โลกการเงินแบบดั้งเดิม’ กับตลาดคริปโตในยุโรปกำลังเติบโตอย่างชัดเจน เมื่อล่าสุด OKX แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตระดับโลก ประกาศขยายความร่วมมือกับสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษ ไปยังกลุ่มประเทศเศรษฐกิจยุโรป (EEA) ทั้งหมด โดยอ้างอิงจากโครงการนำร่องในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ภายใต้ความร่วมมือนี้ OKX จะนำเสนอ ‘โปรแกรมสะท้อนหลักทรัพย์ค้ำประกัน’ ให้กับนักลงทุนสถาบันในพื้นที่ EEA โปรแกรมนี้อนุญาตให้ทรัพย์สินของนักลงทุนถูกเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยในธนาคารระดับโลก เช่น สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด พร้อมกับมีสินทรัพย์เทียบเคียงที่สามารถซื้อขายได้จริงบนแพลตฟอร์มของ OKX ซึ่งเท่ากับว่าผู้ใช้จะได้รับทั้ง ‘ระดับความปลอดภัยตามมาตรฐานธนาคาร’ และ ‘ความคล่องตัวของตลาดคริปโต’ ไปพร้อมกัน
ตัวแทนจาก OKX ระบุว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘แพลตฟอร์มคริปโต-ธนาคาร’ ทั่วไปเท่านั้น แต่เป็น ‘ก้าวสำคัญ’ ในการจัดวางโครงสร้างพื้นฐานของตลาดคริปโตให้สอดคล้องกับมาตรฐานของการเงินแบบดั้งเดิม โดย OKX กล่าวเสริมว่าการที่สถาบันทางการเงินระดับโลกเชื่อมั่นในรูปแบบทางกฎหมายที่ OKX พัฒนาขึ้น แสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพของแนวทางผสานสองระบบอย่างแท้จริง
มาร์กาเร็ต ฮาร์วูด-โจนส์(Margaret Harwood-Jones) ประธานฝ่ายบริการการเงินของสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด กล่าวว่าความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน เพื่อสนับสนุนการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของนักลงทุนสถาบันทั่วทั้งยุโรปได้อย่างบูรณาการ
OKX ถือครองใบอนุญาตภายใต้กฎหมายตลาดสินทรัพย์คริปโต (MiCA) ของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปแล้ว และการเคลื่อนไหวล่าสุดนี้คือส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เพื่อสนับสนุนการขยายฐานภายในยุโรป
อย่างไรก็ตาม เส้นทางของ OKX ในยุโรปไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป โดยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Bloomberg รายงานว่า บริการระบบกระจายศูนย์และการเก็บสินทรัพย์ด้วยตัวเองของ OKX อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีรับซื้อคริปโตแฮ็กจากกลุ่มแฮ็กเกอร์ลาซารัสแห่งเกาหลีเหนือ ที่ถูกใช้ในการฟอกเงินจากคดีแฮ็ก Bybit มูลค่ากว่า 2.08 ล้านล้านวอน (ประมาณ 56,000 ล้านบาท) ซึ่งส่งผลให้หน่วยกำกับดูแลของยุโรปเริ่มการสอบสวนทันที แม้ OKX จะปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ก็ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับสถานะใบอนุญาต MiCA ในขณะนั้น
เพื่อกระจายความเสี่ยงจากการกำกับดูแล OKX จึงหันมาสนใจตลาดสหรัฐ โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ มูลค่า 505 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 7,015 ล้านบาท) เพื่อกลับเข้าทำตลาดในอเมริกาอีกครั้ง พร้อมกันนี้ ยังได้แต่งตั้ง โรแชน โรเบิร์ต(Roshan Robert) เป็นซีอีโอประจำสหรัฐฯ และเปิดสำนักงานใหญ่ในเมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย
ความร่วมมือกับสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดครั้งนี้จึงสะท้อนทิศทางที่ชัดเจนของ OKX ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานคริปโตที่ ‘น่าเชื่อถือและเป็นสถาบัน’ มากขึ้น โดยมีธนาคารระดับโลกหนุนหลัง ท่ามกลางกระแส *การบรรจบกันของเทคโนโลยีบล็อกเชนกับการเงินดั้งเดิม* ที่เริ่มขึ้นอย่างจริงจัง ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงน่าจะส่งสัญญาณเชิงบวกไปยังนักลงทุนสถาบันในระดับ ‘บลูชิพ’ ทั่วโลกต่อไป
ความคิดเห็น 0