Ondo Finance เตือน SEC: แผนโทเค็นแนสแด็กอาจขาดความโปร่งใส-เอื้อประโยชน์บางฝ่าย

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาการนำหลักทรัพย์แบบโทเค็นของแนสแด็กเข้าสู่ระบบตลาด แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ทุกฝ่ายที่เห็นด้วยโดยสิ้นเชิง เมื่อบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์บนบล็อกเชนอย่างออนโดไฟแนนซ์(Ondo Finance) แสดงจุดยืน ‘คัดค้านแบบมีเงื่อนไข’ ต่อข้อเสนอดังกล่าว โดยชี้ว่าแผนของแนสแด็กอาจ *ขาดความโปร่งใส* และอาจ *เปิดช่องให้ผู้เข้าร่วมบางรายได้รับประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรม*

ตามรายงานเมื่อวันที่ 24 ตามเวลาท้องถิ่น ออนโดไฟแนนซ์ได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการถึง SEC ระบุชัดว่า แนวทางของแนสแด็กไม่ได้เปิดเผยกลไกการชำระบัญชีของหลักทรัพย์แบบโทเค็นผ่านองค์กรรับฝากหลักทรัพย์กลางของสหรัฐฯหรือ DTC ซึ่งรับผิดชอบระบบการชำระและส่งมอบหลักทรัพย์ในประเทศ “ทั้งนักลงทุนและหน่วยงานกำกับดูแลไม่สามารถตัดสินใจตามหลักเกณฑ์ที่สมเหตุสมผลได้ หากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับระบบชำระเงินนี้” ออนโดระบุ

แม้ออนโดจะแสดงความสนับสนุนต่อการทดลองโทเค็นของแนสแด็กโดยภาพรวม แต่กลับมีความกังวลว่า *การอ้างอิงเรื่องข้อมูลวงในที่ยังไม่เปิดเผย* อาจจำกัดโอกาสของผู้ร่วมตลาดรายอื่นในการแสดงความเห็นต่อข้อเสนอก่อนที่ SEC จะตัดสินใจ นอกจากนี้ บริษัทยังเตือนว่า DTC ยังไม่มีระบบที่สมบูรณ์สำหรับรองรับกระบวนการใหม่นี้ จึงไม่จำเป็นต้องเร่งอนุมัติในขั้นตอนนี้ พร้อมเรียกร้องให้ SEC ให้ความสำคัญกับ *ความโปร่งใสและการรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะ* เป็นหลัก

ข้อเสนอนี้มีต้นตอมาจากเอกสารแก้ไขกฎเกณฑ์ที่แนสแด็กยื่นต่อ SEC เมื่อวันที่ 8 กันยายน โดยมีจุดประสงค์ในการเปิดทางให้หลักทรัพย์แบบโทเค็นที่อยู่บนบล็อกเชนสามารถ *ซื้อขายได้เช่นเดียวกับหุ้นทั่วไป* ทั้งนี้ SEC มีกำหนดระยะเวลาตรวจสอบอย่างเป็นทางการภายในต้นเดือนพฤศจิกายน และอาจขยายออกไปถึงช่วงสิ้นปีหากจำเป็น

ขณะเดียวกัน ฝั่งของญี่ปุ่นก็กำลังเดินหน้าในการใช้งานบล็อกเชนจริงจังมากขึ้น เมื่อมีรายงานว่าธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของประเทศ 3 แห่ง ได้แก่ มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล, ซูมิโตโม มิตซูอิ แบงก์ และมิสซูโฮ แบงก์ กำลังร่วมมือกันพัฒนา ‘สเตเบิลคอยน์ที่ผูกค่าเงินเยน’ บนแพลตฟอร์ม ‘โปรกแมต(Progmat)’ ของ MUFG โดยมีเป้าหมายออกเหรียญภายในสิ้นปีนี้ เพื่อใช้สำหรับ *เพิ่มประสิทธิภาพในการชำระเงินระหว่างองค์กร*

โครงการนี้มีแนวโน้มจะกลายเป็น *เครือข่ายสเตเบิลคอยน์ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งแรกของญี่ปุ่น* โดยในระยะแรก กลุ่มมิตซูบิชิจะเริ่มใช้งานเหรียญภายในในระบบการเงินองค์กร พร้อมตั้งเป้าขยายไปยังธุรกรรมระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับบริษัทในเครือกว่า 240 แห่ง เพื่อลดต้นทุนการโอนและค่าใช้จ่ายด้านเอกสาร

แม้จะอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ แต่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อการลงทุนยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งเห็นได้จากในสัปดาห์นี้เพียงสัปดาห์เดียว มีการยื่นขอจดทะเบียนกองทุน ETF เกินกว่า *5 รายการ* ต่อ SEC

ตัวอย่างที่โดดเด่นคือกองทุน 'แวนเอ็ก ลิโด สเตกอีเธอเรียม ETF' ที่ยื่นโดยแวนเอ็ก(VanEck) เมื่อวันพฤหัสบดี โดยมุ่งติดตามประสิทธิภาพของ stETH ซึ่งเป็นโทเค็นสเตกกิ้งแบบมีสภาพคล่องของลิโด(Lido) ในระบบนิเวศของอีเธอเรียม(ETH) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม *ETF เหล่านี้อาจกลายเป็นเครื่องมือใหม่สำหรับนักลงทุนสถาบัน* ที่รอความชัดเจนของ ETF แบบสปอตที่ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ความคิดเห็นจากวงในระบุว่า การเปิดตลาดใหม่แบบนี้ช่วยเสริมศักยภาพให้กับโปรดักต์การเงินในโลกคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ