พอล แอ็ตกินส์(Paul Atkins) ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) กล่าวในงาน ‘DC ฟินเทค วีก’ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า สหรัฐฯ กำลัง ‘ล้าหลังไปเกือบ 10 ปี’ ในวงการคริปโต พร้อมระบุว่า การแก้ไขปัญหานี้คือ *ภารกิจลำดับแรก* ของหน่วยงานกำกับดูแล
แอ็ตกินส์ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐฯ ไม่สามารถตอบสนองต่อกระแสนวัตกรรมได้อย่างเหมาะสม โดยชี้ว่า หน้าที่ของ SEC ควรไม่ใช่เพียงกำกับหลักทรัพย์ แต่ต้องมีความสามารถในการ *รองรับนวัตกรรม* ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ เขายังประกาศว่าจะริเริ่มกรอบนโยบายที่ชัดเจน เพื่อดึงดูดบริษัทนวัตกรรมที่ย้ายออกนอกประเทศให้กลับมาตั้งฐานในสหรัฐฯ อีกครั้ง พร้อมกับเปิดเผยว่า SEC กำลังพิจารณาออก ‘ข้อยกเว้นด้านนวัตกรรม’ (innovation exemptions) เพื่อให้นวัตกรรมสามารถทดลองทำงานภายใต้กรอบกฎหมายที่อยู่ในระบบ
แอ็ตกินส์เสริมว่า SEC มีอำนาจยืดหยุ่นตามกฎหมายเดิม ทำให้สามารถ *รองรับแนวคิดใหม่ ๆ* ได้หากมีการนำไปใช้อย่างเหมาะสม และเขายังระบุว่า “เราสามารถเรียกตนเองว่าเป็น ‘คณะกรรมการนวัตกรรมหลักทรัพย์’ ก็ยังได้” เพื่อชี้ให้เห็นจุดยืนใหม่ของหน่วยงาน
ในอีกด้านหนึ่ง แอ็ตกินส์ยังกล่าวสนับสนุนแนวคิด *‘ซูเปอร์แอป’* ซึ่งเป็นแอปแบบครบวงจรที่สามารถให้บริการชำระเงิน การลงทุน และการให้สินเชื่อภายในแพลตฟอร์มเดียว โดยเขายกตัวอย่างว่า วีแชทของจีนคือโมเดลที่แสดงศักยภาพของแนวทางนี้ เขาเชื่อว่า *ซูเปอร์แอปสามารถเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ* ในการผลักดันนวัตกรรมคริปโตได้ หากอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่เหมาะสม
ที่ผ่านมา แม้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐฯ จะพยายามพัฒนาแอปในลักษณะนี้ แต่ยังไม่ปรากฏความสำเร็จเด่นชัด อย่างไรก็ตาม การที่ SEC เริ่มเปิดกว้างมากขึ้น อาจเอื้อให้เกิด *สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย* ต่อบริการเหล่านี้ได้จริง
ตัวอย่างล่าสุดคือเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เขาได้ประกาศสนับสนุนแนวคิดที่รวมบริการทางการเงินต่าง ๆ เข้าด้วยกันภายใต้กรอบกฎหมายเดียว และยังกล่าวว่า การประสานงานของหน่วยงานกำกับดูแลให้ทำงานได้เหมือนแอปเดียวนั้นถือเป็น “แนวคิดที่ชาญฉลาด”
คำพูดของแอ็ตกินส์สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ในปัจจุบันซึ่งมีนโยบายแบบ *เปิดกว้างมากขึ้นต่ออุตสาหกรรมคริปโต* โดยเฉพาะภายหลังจากที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* แสดงท่าทีเป็นมิตรต่อคริปโตอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์เห็นว่า SEC ต้องการใช้แนวทางกำกับดูแลที่ ‘มองสู่อนาคต’ เพื่อยึดบทบาทผู้นำในวงการอีกครั้ง
ตอนท้าย แอ็ตกินส์กล่าวย้ำว่า “สหรัฐฯ ต้องไม่ใช่เพียงผู้เล่นขอบเวทีของคริปโตอีกต่อไป แต่ต้องกลายเป็น *ศูนย์กลางระดับโลก* ให้ได้” พร้อมยืนยันชัดเจนว่าทิศทางใหม่ของ SEC มุ่งสู่การก้าวขึ้นเป็นแกนกลางนวัตกรรรมโลกอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0