เมซซารี รีเสิร์ช(Messari Research) เปิดเผยรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานะของระบบนิเวศของคาร์ดาโน(Cardano) ในไตรมาส 2 ปี 2025 โดยวิเคราะห์ทั้งการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการกำกับดูแลแบบกระจายศูนย์, โครงสร้างพื้นฐานด้านดีไฟ และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยแม้คาร์ดาโนจะเดินหน้าสร้างความเป็นอิสระของเครือข่ายอย่างจริงจัง เช่น การเลือกตั้งคณะกรรมการรัฐธรรมนูญแบบออนเชนครั้งแรก แต่กลับพบว่าปริมาณการซื้อขาย, ค่าธรรมเนียม และมูลค่าตลาดกลับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากแรงเก็งกำไรลดลงและกิจกรรมในเครือข่ายชะลอตัว
ไตรมาสนี้ คาร์ดาโนเป็นศูนย์กลางของความเปลี่ยนแปลง โดยในเดือนมิถุนายน การเลือกตั้งคณะกรรมการรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอ CIP-1694 จัดขึ้นเป็นครั้งแรกบนบล็อกเชน แทนที่คณะกรรมการชั่วคราวที่ดำเนินการอยู่หลังจากการอัปเกรด *ช้างฮาร์ดฟอร์ก* ในเดือนกันยายน 2024 อีกทั้งได้วางมาตรการจำกัดการใช้จ่ายจากคลัง ADA ผ่าน ‘ขีดจำกัดการเปลี่ยนแปลงสุทธิ(Net Change Limit)’ จำกัดการถอนต่อปีไว้ที่ 350 ล้าน ADA เพื่อป้องกันการเทขายเกินความจำเป็นซึ่งอาจทำให้ตลาดผันผวน
คอมมูนิตี้ก็มีบทบาทในการจัดสรรงบประมาณของระบบนิเวศมากขึ้น โดย *อินเตอร์เซกต์(Intersect)* อนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณแบบออนเชนรวม 275.3 ล้าน ADA โดยแบ่งเป็น 60 ล้าน ADA สำหรับ ‘โปรเจกต์คาเทลิสต์’ และ 15 ล้าน ADA สำหรับ ‘บิลเดอร์ส DAO’ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของคาร์ดาโนในการยุติโครงสร้างแบบรวมศูนย์ และเดินหน้าเข้าสู่โมเดล DAO อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ‘การใช้งานเครือข่ายลดลง’ โดยปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยต่อวันลดลง 29% ที่อยู่ผู้ใช้งานรายวันลดลง 36% และค่าธรรมเนียมลดลงถึง 45% เหลือเพียง 724,600 ดอลลาร์ ราคา ADA ลดลง 14% มาอยู่ที่ 0.57 ดอลลาร์ และมูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 20.7 พันล้านดอลลาร์ หล่นไปอยู่อันดับที่ 10 ในบรรดาโปรโตคอลเลเยอร์ 1 เหตุลดลงนี้เชื่อมโยงกับการลดลงของสัดส่วนสเตกกิ้ง, การใช้ DApp ที่อ่อนตัว รวมถึงปริมาณธุรกรรมแอปพลิเคชันที่ตกต่ำ
ในด้านดีไฟ (DeFi) คาร์ดาโนก็ไม่รอดพ้นภาวะชะลอตัว โดย TVL รวมลดลง 20% เหลือ 259.2 ล้านดอลลาร์ โดย ‘มินสวอป(Minswap)’ ยังคงเป็นแพลตฟอร์มอันดับหนึ่งด้วย TVL 68.7 ล้านดอลลาร์ ขณะที่โปรโตคอลการกู้ยืมเช่น ลิควิด(Liquid) และ อินดิโก(Indigo) พยายามยกระดับด้วยการขยายรายได้จากการสเตกกิ้งและ iAsset ส่วน DEX อื่น ๆ อย่าง CSWAP, สพลาช(Splash) และ ซันเดย์สวอป(SundaeSwap) ยังคงดำเนินกิจกรรมเพื่อเสริมความสอดคล้องกับกฎระเบียบและเพิ่มสภาพคล่อง
ด้านเทคโนโลยี คาร์ดาโนยังแสดงความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะ โดย *มูลนิธิคาร์ดาโน* เปิดตัวแอปยืนยันตัวตนบนบล็อกเชนชื่อ *เวอริเดียน(Veridian)* และเครื่องมือเชื่อมต่อ ERP ชื่อ *รีฟ(Reeve)* เพื่อรองรับการใช้งานจากองค์กร ส่วน *อินพุต เอาท์พุต* สาธิต *BitVMX* ซึ่งทำให้สัญญาอัจฉริยะของคาร์ดาโนสามารถใช้งานร่วมกับบิตคอยน์ได้ และพัฒนาโปรโตคอล *อูโรโบรส เรอีออส* และ *อูโรโบรส เจนเนซิส* เพื่อเสริมประสิทธิภาพกลไกฉันทามติ
ในตลาดสเตเบิลคอยน์ คาร์ดาโนมีพัฒนาการที่มั่นคง โดยมูลค่ารวมของสเตเบิลคอยน์ในระบบเพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 32 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะ *USDM* ที่มีมูลค่า 11 ล้านดอลลาร์ หลังจากเริ่มจำหน่ายใน 19 รัฐของสหรัฐฯ ส่งผลให้ขึ้นแท่นผู้นำตลาด
สำหรับกลุ่ม NFT มีการซื้อขายเฉลี่ย 250 ครั้งต่อวัน เพิ่มขึ้น 5% แต่ในเชิงมูลค่าการซื้อขายกลับลดลง แพลตฟอร์ม *jpg.store* เปิดให้บริการกู้ยืม NFT เพื่อสร้างการเชื่อมโยงสภาพคล่องข้ามโปรโตคอล ขณะเดียวกันโครงการเกิดใหม่ เช่น *SyncAI*, *WorldEater* และ *GoldMine Arcade* ก็กำลังนำเสนอกลไกใหม่ต่าง ๆ เช่น การสนับสนุน DRep และการผสานเกมเข้ากับการกำกับดูแล
โดยรวมแล้ว คาร์ดาโนยังคงมุ่งเน้นการขยายตัวในระยะยาวผ่านการเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างแบบกระจายศูนย์และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานในระดับองค์กร แม้ตัวเลขในระยะสั้นจะอ่อนตัวลง แต่ *เมซซารี รีเสิร์ช* เชื่อว่าคาร์ดาโนจะยังคงเดินหน้าสู่ยุควอลแตร์ ด้วยแผนการกระจายอำนาจที่แท้จริง พร้อมความพยายามทางเทคนิคในด้านสมาร์ตคอนแทรกต์ ความเป็นส่วนตัว และการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยผลักดันมูลค่าที่แท้จริงของ ADA ในอนาคต ความคิดเห็น: คาร์ดาโนสะท้อนให้เห็นว่าแม้ภาวะตลาดผันผวน การปูรากฐานเชิงโครงสร้างที่แข็งแรงคือกุญแจสู่อนาคตที่ยั่งยืนในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล
ความคิดเห็น 0