ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอย่างเงียบ ๆ โดยไม่สามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ระดับ *111,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 1.45 ล้านบาท) ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เหรียญมีมอย่าง ‘ทรัมป์(TRUMP)’ กลับตกลงแรงภายในวันเดียว จนได้รับความสนใจจากนักลงทุน
บิตคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตอันดับหนึ่งตามมูลค่าตลาด ได้แตะระดับ *116,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 1.52 ล้านบาท) เมื่อต้นสัปดาห์ สะท้อนถึงแนวโน้มเชิงบวกที่แข็งแกร่ง แต่ราคากลับอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ หลังจากนั้น และเจอแรงขายเมื่อเข้าใกล้ระดับ *110,500 ดอลลาร์* (ประมาณ 1.38 ล้านบาท) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ราคาของบิตคอยน์จึงร่วงลงต่ำสุดช่วงหนึ่งที่ *106,500 ดอลลาร์* (ประมาณ 1.3 ล้านบาท) ก่อนจะฟื้นฐานกลับขึ้นมาทรงตัวอยู่บริเวณ *110,000 ดอลลาร์* (ประมาณ 1.44 ล้านบาท) ในขณะนี้
ด้านมูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์กลับมาที่ราว *2.2 ล้านล้านดอลลาร์* (ประมาณ 3,173 ล้านล้านบาท) โดยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 58% ซึ่งถือว่าทรงตัวเมื่อเทียบกับก่อนหน้า
สำหรับอัลท์คอยน์ตัวอื่น ๆ ส่วนใหญ่ปรับลดลงในระดับเล็กน้อย โดยบิตคอยน์แคช(BCH) ติดลบไปกว่า 4% ภายในวันเดียว ส่วนเฮเดรา(HBAR), ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid), และซีแคช(ZEC) ต่างลดลงกว่า 2% โทเคนยอดนิยมอย่างโดชคอยน์(DOGE), โซลานา(SOL), ทรอน(TRX) และคาร์ดาโน(ADA) ต่างแสดงทิศทางเดียวกันคืออ่อนตัวลงเล็กน้อย ขณะที่อีเธอเรียม(ETH), ริปเปิล(XRP), เชนลิงก์(LINK) และอวาแลนเช(AVAX) กลับปรับขึ้นได้เล็กน้อยท่ามกลางตลาดที่นิ่ง ๆ
ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษในรอบนี้คือเหรียญมีม ‘ทรัมป์(TRUMP)’ ซึ่งภายในวันเดียวลดลงถึง *6.5%* แต่หากมองในระยะสัปดาห์แล้ว มูลค่าของเหรียญดังกล่าวยังเพิ่มขึ้น *25%* ซึ่งน่าจะเป็นผลจากความสนใจของนักลงทุนระยะสั้นที่หลั่งไหลเข้ามาหลังเหรียญเริ่มพุ่งขึ้นจากความเชื่อมโยงกับ *ประธานาธิบดีทรัมป์*
ในภาพรวม มูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดขณะนี้อยู่เหนือระดับ *3.8 ล้านล้านดอลลาร์* (ประมาณ 5,480 ล้านล้านบาท) อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจาก Fed ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันราคาคริปโตให้ฟื้นตัวรุนแรง แสดงให้เห็นถึง *ความระมัดระวังของนักลงทุนในภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แน่นอน*
หากบิตคอยน์สามารถยืนเหนือ *110,000 ดอลลาร์* ได้อย่างมั่นคง และทะลุแนวต้านสำคัญในระยะสั้น ความเป็นไปได้ที่ตลาดจะเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้งก็มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและอารมณ์ของตลาดยังเป็นสิ่งที่อาจนำไปสู่ความผันผวนสูง ความเห็นในอุตสาหกรรมยังสะท้อนว่า นักลงทุนควร *ใช้ความระวังมากขึ้นในช่วงนี้*
ความคิดเห็น 0