โปรเจกต์คริปโต ‘เซนเทียนท์(Sentient)’ กลายเป็นจุดสนใจในวงการเทคโนโลยีหลังจากไทเกอร์รีเสิร์ช(Tiger Research) วิเคราะห์ว่าเป็นแนวทางสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ข้อจำกัดด้าน ‘การรวมศูนย์’ ของเทคโนโลยี AI ในปัจจุบัน รวมถึงปัญหาเรื่อง ‘ความยั่งยืน’ ของระบบโอเพ่นซอร์ส โดยเซนเทียนท์มีเป้าหมายสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกระจายศูนย์ที่สามารถแข่งขันกับบิ๊กเทคได้อย่างแท้จริง
การมาของแชตจีพีที(ChatGPT) ในปี 2022 ได้จุดประกายกระแส AI ต่อสังคมวงกว้าง แต่ในขณะที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็ว กลับตามมาด้วยความกังวลว่าผู้เล่นเพียงไม่กี่ราย เช่น โอเพ่นเอไอ(OpenAI) และแอนโทรปิก(Anthropic) กำลังเปลี่ยนนโยบายจากการเปิดกว้างสู่การควบคุมและเชิงพาณิชย์มากขึ้น ความ ‘เสี่ยงด้านการควบคุม’ จึงกลายเป็นประเด็นร้อน และเปิดพื้นที่ให้กับแนวทางใหม่ในรูปแบบ *ระบบกระจายศูนย์*
จากรายงานของไทเกอร์รีเสิร์ช เซนเทียนท์นำเสนอสถาปัตยกรรม AI ที่ผสานความเปิดกว้างของโอเพ่นซอร์สเข้ากับการควบคุมและระบบตอบแทนที่ขับเคลื่อนโดยผู้พัฒนา โครงสร้างหลักคือ ‘GRID’ หรือเครือข่ายปัญญาประดิษฐ์แบบเปิดระดับโลก โดยมีส่วนประกอบมากกว่า 110 รายการที่เชื่อมต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นโมเดล AI, ชุดข้อมูล หรือเอเย่นต์ ซึ่งร่วมกันทำงานแบบองค์รวม
นอกจากนี้ยังมีระบบสองแกนหลักคือ ‘โรม่า(ROMA)’ และ ‘OML’ ซึ่ง ROMA เป็นเฟรมเวิร์คที่จัดสรรโมเดลโดยอัตโนมัติให้เหมาะกับงานที่ซับซ้อน โดยข้อมูลจากไทเกอร์รีเสิร์ช ระบุว่า ROMA บางเวอร์ชันสามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดลระดับแนวหน้าอย่าง Gemini 2.5 ของกูเกิล ขณะที่ OML เป็นกลไกที่ฝังลายน้ำในโมเดลเพื่อระบุแหล่งที่มา และมีแผนเพิ่มการป้องกันการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตในอนาคต
เพื่อสื่อสารกับผู้ใช้ทั่วไป เซนเทียนท์ยังพัฒนา ‘เซนเทียนท์แชต(Sentient Chat)’ อินเตอร์เฟซสนทนา AI ที่ลดความซับซ้อนของการใช้งาน AI ระดับสูง และดึงประโยชน์ของเทคโนโลยีให้แพร่หลายคล้ายที่ GPT-4 เคยทำได้ คำถามจากผู้ใช้จะถูกวิเคราะห์เพื่อเลือกโมเดลที่เหมาะสมที่สุดในเครือข่าย GRID โดยอัตโนมัติ
ในแง่ของผู้พัฒนา เซนเทียนท์ได้รับการสนับสนุนจากนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างฮาร์วาร์ดและสแตนฟอร์ด รวมถึงมีความร่วมมือกับนักลงทุนชื่อดังอย่าง Founders Fund และหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งของโพลิกอน(Polygon) ซึ่งช่วยเติมเต็มทั้งความรู้และเงินทุนจากทั้งแวดวง AI และคริปโต ความพร้อมในหลายมิติแบบนี้ช่วยให้โมเดลเปิดเชิงเทคโนโลยีมีโอกาสยืนระยะในอุตสาหกรรมที่ต้นทุนสูงมากอย่าง AI
อย่างไรก็ตาม ไทเกอร์รีเสิร์ชเตือนว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น โดยโอเพ่นซอร์สที่เติบโตเร็วต้องเผชิญกับประเด็นด้านความซับซ้อน การควบคุมคุณภาพ และโครงสร้างการบริหารที่รัดกุม เซนเทียนท์จึงเริ่มต้นทดลองรูปแบบ ‘การกำกับแบบกระจายศูนย์’ ผ่านโมเดลเฉพาะทางอย่าง ‘ด็อบบี้(Dobby)’ ที่เปิดให้ชุมชนพัฒนาร่วมกันอย่างแท้จริง ทั้งในด้านการเป็นเจ้าของและการบริหารระบบ
ในท้ายที่สุด เซนเทียนท์อาจกลายเป็นหนึ่งในโครงการที่สามารถพัฒนา ‘โอเพ่น AGI’ ได้อย่างจับต้องได้ เพราะนอกจากจะมีแนวคิดแบบกระจายศูนย์แล้ว ยังมีองค์ประกอบด้านเทคนิค, กลไกการมีส่วนร่วม และผลิตภัณฑ์จริงที่ทำให้สามารถใช้งานได้จริง หากสามารถรับมือกับความท้าทายของการเปิดกว้างและการแข่งขันกับบิ๊กเทคได้ ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนของวงการ AI และคริปโตทั้งระบบ ความเคลื่อนไหวต่อไปของเซนเทียนท์จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง
ความคิดเห็น 0