ธนาคารกลางอังกฤษเผยแผนกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ คาดสรุปกฎเกณฑ์ปี 2026
เมื่อวันที่ 3 (เวลาท้องถิ่น) ธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ได้เปิดเผยเอกสารร่างข้อเสนอเกี่ยวกับกรอบกำกับดูแลสำหรับ ‘สเตเบิลคอยน์แบบระบบ (systemic stablecoin)’ ที่อิงกับเงินปอนด์อังกฤษ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญเพื่อเตรียมมาตรการรองรับกรณีสเตเบิลคอยน์ถูกนำมาใช้ในระบบการชำระเงินอย่างแพร่หลาย โดย BoE เตือนว่าหากไม่มีแนวทางกำกับที่ชัดเจน อาจกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการเงินโดยรวม
ตามร่างข้อเสนอ ผู้ที่ออกสเตเบิลคอยน์จะต้องถือ ‘เงินฝากที่ไม่มีดอกเบี้ย’ กับธนาคารกลางคิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อย 40% ของภาระหนี้ทั้งหมด ส่วนอีก 60% สามารถถือเป็นพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษระยะสั้นได้ ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อเสริมความมั่นคงและลดความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ใช้หนุนคอยน์ นอกจากนี้ มีการกำหนดเพดานการถือครองสเตเบิลคอยน์สำหรับบุคคลทั่วไปไม่เกิน ‘20,000 ปอนด์’ (ประมาณ 3.46 ล้านบาท) ต่อเหรียญ พร้อมเงื่อนไขยืดหยุ่นให้ผู้ค้าปลีกสามารถขอเพิ่มขีดจำกัดหากจำเป็น
ธนาคารกลางอังกฤษเปิดรับความคิดเห็นต่อข้อเสนอนี้จนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2026 และตั้งเป้าจะสรุปและประกาศใช้กฎใหม่นี้ภายในช่วงครึ่งหลังของปีเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ฝั่งสหรัฐก็มีข่าวบวกเช่นกัน เมื่อวุฒิสภาผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวตามกำหนดการ ช่วยหลีกเลี่ยง ‘ชัตดาวน์’ หรือความเสี่ยงที่รัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว สถานการณ์นี้ช่วยให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงตลาดคริปโต ฟื้นตัวเล็กน้อย
นอกจากนี้ *ทรัมป์* ยังได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการแจก ‘เงินปันผลจากภาษีศุลกากร’ แก่ประชาชนสหรัฐที่อาจสูงถึง ‘2,000 ดอลลาร์’ (ประมาณ 270,000 บาท) ต่อราย ซึ่งมาจากรายได้ที่รัฐบาลจัดเก็บจากมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่น ๆ โดย *ความคิดเห็น* ของทรัมป์ได้จุดกระแสคาดหวังเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศอีกครั้ง
การดำเนินการของธนาคารกลางอังกฤษในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังของสถาบันการเงินระดับโลก ในการเตรียมรับมือกับบทบาทของสเตเบิลคอยน์ในระบบการเงินสมัยใหม่ การมีกรอบกำกับที่ชัดเจนอาจช่วยเร่งให้สินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการได้เร็วขึ้น พร้อมเสริมสร้างความเชื่อมั่นระหว่างผู้เล่นในตลาด ในขณะที่ถ้อยแถลงด้านนโยบายจาก *ทรัมป์* และความคืบหน้าทางการเมืองในสหรัฐก็อาจส่งผลบวกระยะสั้นต่อทิศทางของตลาดคริปโตเช่นกัน
ความคิดเห็น 0