ธนาคารกลางอังกฤษเปิดเผยร่างกรอบกำกับดูแล *สเตเบิลคอยน์* อย่างเป็นทางการ เพื่อเตรียมรับมือการเข้ามาของสินทรัพย์ดิจิทัลในระบบการเงินของประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานในวงกว้าง
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้เผยแพร่ร่างเบื้องต้นสำหรับแนวทางกำกับดูแล ‘สเตเบิลคอยน์’ ประเภท *systemic* หรือที่มีความสำคัญเชิงระบบ ซึ่งมีการตรึงมูลค่ากับเงินปอนด์อังกฤษ โดยระบุว่า การเติบโตของสเตเบิลคอยน์ในฐานะเครื่องมือชำระเงิน อาจก่อให้เกิด *ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน* ของประเทศหากไม่มีการควบคุมที่เหมาะสม
ภายใต้ข้อเสนอในร่างดังกล่าว ผู้ออกสเตเบิลคอยน์จะต้องกันสินทรัพย์สำรองไว้อย่างน้อย *40%* ของมูลค่าหนี้ทั้งหมดในรูปแบบเงินฝากที่ไม่ให้ดอกเบี้ยไว้กับธนาคารกลาง ขณะที่อีก *60%* ที่เหลือสามารถถือครองในรูปของพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นของสหราชอาณาจักร ธนาคารกลางอังกฤษชี้ว่าแนวทางนี้จะช่วยลดความเสี่ยงและเตรียมพร้อมระบบหากเกิดปัญหาในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับการจำกัดวงเงินการถือครองสเตเบิลคอยน์ สำหรับบุคคลทั่วไปจะถูกจำกัดไว้ไม่เกิน *20,000 ปอนด์* (ประมาณ 3.42 ล้านบาท) ส่วนภาคธุรกิจจะมีวงเงินพื้นฐานที่ *10,000 ปอนด์* (ประมาณ 1.71 ล้านบาท) แต่สามารถขอขยายวงเงินได้ตามลักษณะธุรกิจ โดยในกรณีที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจ อาจขอผ่อนผันให้ถือครองได้สูงสุดถึง *10 ล้านปอนด์* (ประมาณ 171 ล้านบาท)
ร่างข้อเสนอนี้จะเข้าสู่ช่วงการเปิดรับฟังความเห็นจนถึงวันที่ *10 กุมภาพันธ์ 2026* จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการอนุมัติและมีผลบังคับใช้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2026 โดยทางธนาคารกลางแสดงจุดยืนว่า “การเติบโตของการชำระเงินดิจิทัลเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การมีโครงสร้างพื้นฐานที่มีระเบียบและปลอดภัยควรมาก่อน”
ทั้งนี้ สเตเบิลคอยน์ถูกออกแบบให้มีมูลค่าคงที่ ต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีที่มีความผันผวนสูงอย่าง *บิตคอยน์(BTC)* หรือ *อีเธอเรียม(ETH)* ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในการนำไปใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ลงทุนสถาบันเข้ามามากขึ้น ประเด็นเรื่องบทบาทสาธารณะของสเตเบิลคอยน์จึงกลายเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจ “ความคิดเห็น” คือ มาตรการของอังกฤษครั้งนี้ อาจมีอิทธิพลต่อการกำหนดมาตรฐานสากลด้านกฎระเบียบสำหรับสเตเบิลคอยน์ในอนาคตอีกด้วย.
ความคิดเห็น 0