เดวิด ชวาร์ตซ์(David Schwartz) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี(CTO) ของริปเปิล(Ripple) แสดงความเห็นผ่านโซเชียลมีเดียเมื่อเร็วๆ นี้ โดยย้ำถึง ‘ความปลอดภัย’ และ ‘เสถียรภาพ’ ของริปเปิล(XRP) พร้อมชี้ให้เห็นความแตกต่างที่สำคัญระหว่างสินทรัพย์ที่เป็นของแท้ในเครือข่ายบล็อกเชนกับสินทรัพย์ที่นำเข้าภายนอกผ่านบริดจ์
เขาอธิบายว่า XRP เป็น *สินทรัพย์ดั้งเดิม* (Native Asset) ของบัญชีแยกประเภท XRP หรือ XRPL ซึ่งหมายความว่า XRP ไม่มีอยู่ในเครือข่ายอื่น การจะขโมย XRP จากภายนอกนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจาก *บล็อกเชน XRPL เองทำหน้าที่เป็นระบบความปลอดภัยในตัว* เขาระบุว่า “XRP มีเฉพาะใน XRPL เท่านั้น จึงไม่มีทางถูกขโมยจากที่อื่นได้”
ชวาร์ตซ์ยังชี้ว่า หาก XRPL เกิดปัญหาระดับระบบจริง ก็ยังสามารถแก้ไขได้ผ่านกลไกการกำกับดูแลภายในระบบ เช่นเดียวกับกรณีของบิตคอยน์(BTC) ในปี 2013 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์ดั้งเดิมสามารถปกป้องและปรับตัวได้ผ่านการจัดการภายในเครือข่ายเดิม
ในทางตรงกันข้าม เขาเตือนว่า *สินทรัพย์นอกระบบที่ถูกเชื่อมต่อผ่านบริดจ์* อย่างเช่น อีเธอเรียม(ETH) ถือมีความเสี่ยงมากกว่า เพราะการเคลื่อนย้ายผ่านบริดจ์นั้นอาศัยระบบภายนอกที่อาจถูกเจาะระบบได้ เช่น หากบริดจ์โดนแฮ็ก หรือหากมีการขโมยสินทรัพย์จากเครือข่ายต้นทาง ข้อมูลในเครือข่ายปลายทางก็ไม่อาจแก้ไขความเสียหายนั้นได้
เขากล่าวเสริมว่า “ไม่ว่าการกำกับดูแลแบบออนเชนจะถูกออกแบบไว้อย่างดีเพียงใด แต่อันตรายจากระบบภายนอกก็ยังคงอยู่” คำกล่าวนี้ถือเป็นข้อสนับสนุนต่อแนวคิดว่า XRP ที่อยู่บน XRPL ย่อม ‘ปลอดภัยกว่า’ สินทรัพย์ที่พึ่งพาบริดจ์ข้ามเชน
ความคิดเห็นของเขาเกิดขึ้นในช่วงที่ XRP กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในบริบทของการพูดคุยเกี่ยวกับกองทุน ETF ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งประเด็นเรื่อง *ความปลอดภัยในการถือครองและซื้อขาย XRP* ยังกลายเป็นหัวข้อสำคัญท่ามกลางกระแสการใช้งานบริดจ์สินทรัพย์ข้ามเชนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ‘ต้นกำเนิดของสินทรัพย์’ กลายเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสำคัญมากขึ้นในตลาดคริปโตเวลานี้
ความคิดเห็น 0