บิตคอยน์(BTC) ร่วงหลุดเส้นค่าเฉลี่ย EMA50 รายสัปดาห์ ส่งสัญญาณ 'ขาลงจริง'
บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบชี้ชัด 50 สัปดาห์ (EMA50) ส่งสัญญาณ ‘ขาลงที่ชัดเจน’ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายมองว่าเป็นสัญญาณอันตรายและบ่งชี้ว่าตลาดเข้าสู่ภาวะใหม่ที่แตกต่างจากเดิมอย่างมีนัยสำคัญ
‘ด็อกเตอร์พรอฟิต’ (Doctor Profit) นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดัง เปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า บิตคอยน์เคยรักษา EMA50 ได้อย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งวัฏจักรในปี 2024 แต่ครั้งนี้ถือเป็นการ ‘หลุดแนวรับสำคัญอย่างสิ้นเชิง’ โดยเขาย้ำว่า EMA50 ถือเป็น ‘เส้นทองคำ’ ที่สะท้อนโครงสร้างตลาดกระทิง และการร่วงหลุดจากระดับดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่ ‘โครงสร้างขาลง’ อย่างแท้จริง
แม้ในอดีต การเกิด ‘เดดครอส’ หรือการที่ค่าเฉลี่ยระยะสั้นตัดลงใต้เส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว เคยเป็นโอกาสในการฟื้นตัวของราคา ตัวอย่างเช่น ในเดือนกันยายน 2023, สิงหาคม 2024 และเมษายน 2025 หลังเกิดเดดครอส บิตคอยน์กลับพุ่งขึ้น 25–60% แต่กรณีเหล่านั้นราคายังคงอยู่เหนือ EMA50 จึงสามารถตีความว่าเป็น ‘สัญญาณลวง’ ได้
ครั้งนี้แตกต่างออกไป ในจังหวะเกิดเดดครอส บิตคอยน์มีราคาต่ำกว่า EMA50 ไปแล้ว 6% และไม่มีสัญญาณของแรงรับใด ๆ ที่ชัดเจน ด็อกเตอร์พรอฟิตจึงเชื่อว่า "นี่คือเดดครอสจริง และแรงขายกำลังทำงานเต็มที่"
แม้บางฝ่ายจะมองว่าสถานการณ์ที่มีความกลัวสูงอาจเป็น ‘ระดับราคาต่ำสุด’ แต่ด็อกเตอร์พรอฟิตยกตัวอย่างปี 2021 ที่แม้ดัชนีความกลัวและความโลภแตะระดับ ‘สุดขีด’ แต่ราคาบิตคอยน์ยังร่วงจาก 68,000 ดอลลาร์ ลงมาต่ำสุดแถว 16,000–18,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ สภาพตลาดในปัจจุบันก็แตกต่างจากช่วงต้นปี 2024–2025 อย่างมาก เนื่องจากในอดีตการขายของ ETF ยังถูกดูดซับด้วยการซื้อของ ‘วาฬ’ รายใหญ่ แต่ในตอนนี้ทั้ง ETF และวาฬกลับขายพร้อมกัน ขณะที่ราคาซื้อเฉลี่ยจาก 6 เดือนที่ผ่านมาของนักลงทุนทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 94,600 ดอลลาร์ หากราคาต่ำกว่าระดับนี้ อาจมีคำสั่ง ‘ตัดขาดทุน’ ทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก
โคเบย์ซี เลตเตอร์ (Kobeissi Letter) ระบุว่า การร่วงครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่แรงกดดันทางจิตวิทยา แต่เป็นการเข้าสู่ช่วงขาลงแบบ ‘เชิงโครงสร้างและเชิงกลไก’ โดยนับตั้งแต่เดือนตุลาคม ราคาบิตคอยน์ร่วงแล้วกว่า 25% เริ่มจากการไหลออกของเงินทุนสถาบัน โดยเดือนพฤศจิกายนต้นเดือน กองทุนคริปโตมีเงินไหลออกรวม 1,200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.62 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ยังเกิดการบังคับขาย (forced liquidation) ที่แตะเกินกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.35 แสนล้านบาท) แทบทุกวัน ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างตลาดถูกกระทบอย่างรุนแรง
ในท้ายที่สุด หากบิตคอยน์ไม่สามารถกลับขึ้นเหนือ EMA50 ได้ ก็มีความเสี่ยงที่ราคาจะเข้าสู่ภาวะ ‘ขาลงรอบลึก’ ซึ่งอาจยืดเยื้อกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ความไม่แน่นอนนี้ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตั้งคำถามถึง ‘ความแข็งแรงของตลาดคริปโต’ ในระยะยาวอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0