แม้ราคาของ **บิตคอยน์(BTC)** และคริปโตเคอร์เรนซีอื่น ๆ จะกำลังเผชิญช่วงขาลง โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐอเมริกา แต่สถาบันการเงินยังคงเร่งเครื่องสู่การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ระยะยาวยังคงเป็นแนวทางหลักของนักลงทุนกลุ่มนี้ ซึ่งกำลังผสานสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าสู่การบริหารจัดการพอร์ตการลงทุน และบริการทางการเงินแบบดั้งเดิมอย่างเป็นระบบ
เมื่อไม่นานมานี้ แพลตฟอร์มเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกา รวมทั้งธนาคารที่ได้รับการอนุญาตตามกฎหมาย ได้เริ่มให้บริการการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีแก่ลูกค้าสถาบัน นอกจากนี้ ตลาดอนุพันธ์ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ยังได้เปิดตัวบริการซื้อขายฟิวเจอร์สคริปโตแบบไม่มีวันหมดอายุ ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญถึงการหลอมรวมกันระหว่าง *ระบบการเงินแบบดั้งเดิม* และตลาดคริปโตเคอร์เรนซี
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายกำกับดูแล ยังเอื้อต่อการเปิดตัวผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบใหม่ เช่น สินทรัพย์ดิจิทัลประเภท **ETP (Exchange Traded Product)** ทำให้สถาบันต่าง ๆ สามารถเข้าถึงเครื่องมือการลงทุนในคริปโตได้มากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนตัวของผู้เล่นรายใหญ่เข้าสู่ตลาด แม้จะมีความผันผวนเป็นระยะ แต่แนวโน้มการเติบโตในระยะยาวยังคงเป็นปัจจัยดึงดูดสำคัญ
ท่ามกลางกระแสนี้ ปริมาณการถือครองบิตคอยน์ของภาคธุรกิจยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีทั้งการถือบิตคอยน์โดยตรงในงบดุล และการให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์ ส่งผลให้จำนวนบิตคอยน์ที่ถือโดยองค์กรแตะระดับประมาณ *14%* ของจำนวนเหรียญทั้งหมด 21 ล้านเหรียญ ซึ่งถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าส่วนแบ่งของสถาบันในตลาดกำลังขยายตัว
โดยรวมแล้ว แม้ตลาดจะอยู่ในช่วงพักฐาน นักลงทุนสถาบันยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ระยะยาวมากกว่าการเก็งกำไรระยะสั้น ความเคลื่อนไหวนี้น่าจะเป็นตัวเร่งสำคัญสู่การ "สถาบันนิยมหลัก" ของคริปโตเคอร์เรนซี และอาจกลายเป็น ‘เกมเชนเจอร์’ ที่จะกำหนดทิศทางใหม่ของตลาด หลังจากที่คลี่คลายจากภาวะปรับฐานในปัจจุบัน
ความคิดเห็น 0