บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกอย่าง ‘แวนเอ็ค’ (VanEck) ได้ประกาศผ่านเอกสาร S-1 ฉบับล่าสุดที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ว่า กองทุน ETF อ้างอิงคริปโตแบบ Spot ที่ลงทุนในบีเอ็นบี(BNB) จะไม่มีการให้บริการ ‘การสเตก’ (Staking) แต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่ตรงกันข้ามกับกรณีของกองทุนที่ลงทุนในโซลานา(SOL) ซึ่งเปิดโอกาสให้มีรายได้จากการสเตกไว้ก่อนหน้านี้
ข้อมูลจากเอกสารระบุว่า ณ เวลาเปิดตัวกองทุน ETF ดังกล่าว ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ใดๆ จากการเข้าร่วมกิจกรรมสเตก โดยทางแวนเอ็คกล่าวชัดว่า “ไม่มีการรับประกันใดๆ ว่าในอนาคตจะมีการเพิ่มฟีเจอร์สเตกเข้ามา”
แนวทางใหม่นี้ขัดแย้งกับคำชี้แจงก่อนหน้านี้ของแวนเอ็คในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นบริษัทเคยระบุว่า อาจจะมีการนำทรัพย์สินบางส่วนไปสเตกผ่านผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของกองทุน
แวนเอ็คยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ผลตอบแทนจากการสเตกที่ผู้ถือครองบีเอ็นบีโดยตรงอาจได้รับนั้น จะไม่สามารถเกิดขึ้นผ่านช่องทางของกองทุน ETF นี้ ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนโดยรวมด้อยกว่าการถือเหรียญด้วยตนเอง
ที่น่าสนใจคือ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แวนเอ็คเพิ่งเปิดตัวกองทุน ETF โซลานาเป็นลำดับที่สามในสหรัฐ ซึ่งในกรณีนั้นกลับเลือกใช้กลยุทธ์การสเตกอย่างชัดเจน ด้วยเหตุผลที่ว่าโซลานามีโครงสร้างการผลิตบล็อกแบบคงที่และสามารถสร้างผลตอบแทนจากการสเตกได้อย่างสม่ำเสมอ
ในทางกลับกัน สำหรับบีเอ็นบี ความเสี่ยงด้านโครงสร้างการดำเนินงานของเครือข่ายประกอบกับความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย อาจทำให้การบรรจุฟีเจอร์สเตกใน ETF ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมในบริบทของตลาดสหรัฐ
การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของการออกแบบกองทุน ETF สกุลเงินดิจิทัลในสหรัฐ ซึ่งต้องดำเนินการภายใต้กรอบข้อบังคับที่เข้มงวดและยังคงมีความไม่แน่นอนสูง รวมถึงแสดงให้เห็นกลยุทธ์ที่แตกต่างกันตามลักษณะของโครงการคริปโตแต่ละตัวอย่างชัดเจน
‘ความคิดเห็น’: การที่แวนเอ็คเลือกไม่รวมฟีเจอร์สเตกใน BNB ETF น่าจะเป็นความพยายามในการลดความเสี่ยงเชิงกฎระเบียบ ตรงตามแนวทางที่ SEC ยังแสดงท่าทีระมัดระวังต่อรายได้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม Staking อย่างต่อเนื่อง
‘คำสำคัญ’: แวนเอ็ค, บีเอ็นบี(BNB), กองทุน ETF, สเตก, ก.ล.ต.สหรัฐ(SEC), โซลานา(SOL)
ความคิดเห็น 0