FLock.io แพลตฟอร์มพัฒนา AI แบบกระจายศูนย์ (DeAI) ได้แสดงศักยภาพในฐานะระบบนิเวศทางธุรกิจอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 3 ของปี 2025 โดยสามารถก้าวข้ามจากการเป็นโปรโตคอลเชิงวิจัยสู่การดำเนินงานเชิงพาณิชย์ จากรายงานของเมซซารี รีเสิร์ช (Messari Research) เมื่อวันที่ 24 ราคาของโทเคน FLOCK พุ่งขึ้นจาก 0.15 ดอลลาร์เป็น 0.27 ดอลลาร์ คิดเป็นอัตราการเติบโต 72.5% ขณะที่มูลค่าตลาดตามราคาหมุนเวียนพุ่งขึ้น 104% แตะที่ 61.2 ล้านดอลลาร์
ปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญคือการที่โทเคน FLOCK ได้รับการจดทะเบียนในกระดานซื้อขายชั้นนำอย่าง Coinbase และอัพบิต โดยหลัง Coinbase ประกาศบรรจุ FLOCK ลงในแผนที่การจดทะเบียนเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ราคากระโดดขึ้นทันที 36.84% ภายในวันเดียว และพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 0.67 ดอลลาร์ในวันเปิดเทรดจริงเมื่อวันที่ 9 กันยายน รายงานฉบับเดียวกันระบุว่าปริมาณการซื้อขายก็เพิ่มขึ้นถึง 230% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากกระแสผู้ใช้งานจากตลาดหลัก
ในด้านเทคโนโลยี FLock พัฒนาโครงสร้างของแพลตฟอร์มให้สามารถดำเนินการเรียนรู้ของ AI โดยไม่พึ่งพาศูนย์กลางข้อมูล ผ่านการผสานการเรียนรู้แบบรวมกับบล็อกเชน โมเดลนี้ประกอบด้วย 3 ชิ้นส่วนหลัก ได้แก่ AI Arena, Moonbase และ FL Alliance ซึ่งช่วยสนับสนุนการฝึกโมเดล, การเผยแพร่, การตรวจสอบ และการแจกจ่ายรางวัลในรูปแบบกระจายศูนย์ โดยในไตรมาสที่ 3 จำนวนน็อดฝึกฝนเพิ่มขึ้น 5.9% อยู่ที่ 196 น็อด และจำนวนผู้มีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น 10.4% อยู่ที่ 1,412 ราย ชี้ให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของเครือข่ายในทิศทางบวก
อย่างไรก็ตามในแง่กิจกรรมโดยรวมกลับมีความผันผวน ระหว่างที่จำนวนหมายส่งฝึกโมเดลลดลง 17.8% และการส่งผลตรวจสอบร่วงลงถึง 42.6% อยู่ที่เพียง 113,000 รายการ ส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนของผู้ฝึกและผู้ตรวจสอบ โดยอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 30 วันของผู้ฝึกผันผวนระหว่าง 0.4% ถึง 18% ขณะที่ของผู้ตรวจสอบปรับตัวลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ระดับเพียง 5% เมื่อสิ้นไตรมาส
หนึ่งในพัฒนาการสำคัญคือการเปิดตัวกลไกสเตกกิ้งแบบใหม่ ‘gmFLOCK’ ที่กระตุ้นให้ผู้ใช้งานถือครองโทเคนในระยะยาว ผู้ใช้งานสามารถล็อก FLOCK ได้นานสุด 365 วัน เพื่อรับ gmFLOCK ซึ่งสามารถใช้มอบหมายให้น็อดหรือผู้ตรวจสอบ ขณะเดียวกัน หากถอนก่อนครบเวลาก็จะเสียค่าปรับ 5.1% กลไกนี้จึงมุ่งควบคุมความผันผวนที่มาจากการเก็งกำไรระยะสั้น และสนับสนุนเสถียรภาพของระบบนิเวศโดยรวม
ในส่วนของการร่วมมือกับองค์กรภายนอก FLock ก็มีพัฒนาการที่สำคัญเช่นกัน รายงานของเมซซารีระบุว่าเมื่อเดือนสิงหาคม FLock ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ HKGAI จากฮ่องกงเพื่อพัฒนาโมเดล AI สำหรับใช้ภาครัฐบาล และในเดือนกันยายนได้รับเลือกให้เป็นที่ปรึกษายุทธศาสตร์ของโครงการบล็อกเชนของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) นอกจากนี้ยังมีการขยายความร่วมมือกับ Alibaba Cloud และ Questflow ยืนยันถึงศักยภาพของเทคโนโลยี FLock ในภาคส่วนอุตสาหกรรมที่หลากหลาย
ในด้านโมเดลรายได้ แพลตฟอร์มได้วางโครงสร้างทางธุรกิจจริงผ่าน API แพลตฟอร์มที่รองรับระบบชำระเงินแบบเครดิต และใช้งานร่วมกับ OpenAI ได้ อีกทั้งเมื่อโมเดลใดได้รับการยอมรับจาก Arena ก็จะถูกอัปโหลดขึ้น Moonbase ให้ผู้ใช้งานเรียกใช้งานผ่าน API ซึ่งรายได้จะส่งกลับคืนสู่ผู้สร้างอย่างโปร่งใส ความคิดเห็น: โมเดลนี้เป็นตัวอย่างของการผสานการสร้างรายได้เข้ากับการกระจายศูนย์อย่างชาญฉลาด
โดยสรุป ไตรมาส 3 ปี 2025 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ FLock เข้าใกล้ ‘เขตการใช้งานเชิงพาณิชย์’ ของระบบนิเวศ AI แบบรวม การได้รับความสนใจจากตลาดผ่านการจดทะเบียนบนกระดานใหญ่ การกำหนดกลไกสร้างแรงจูงใจแบบใหม่ผ่าน gmFLOCK การจับมือกับหน่วยงานสากล และการเปิดช่องทางรายได้จริง ล้วนแสดงให้เห็นว่า FLock เป็นหนึ่งใน ‘กรณีศึกษาหายาก’ ของแพลตฟอร์ม DeAI ที่มีศักยภาพในการนำ AI แบบกระจายศูนย์ไปใช้จริงในระดับโลกในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0