Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ไคโก้ชี้ บิตคอยน์(BTC) กำลังกลายเป็นสินทรัพย์กระแสหลัก หลังสถาบันการเงินใหญ่แห่ลงทุน

การศึกษาใหม่จากไคโก้ รีเสิร์ช (Kaiko Research) ชี้ให้เห็นว่าแนวทางเชิงกลยุทธ์ของสถาบันการเงินดั้งเดิมต่อ *บิตคอยน์(BTC)* กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน พร้อมพบสัญญาณบ่งชี้ถึงความ ‘เติบโตของตลาด’ และ ‘พัฒนาด้านกฎระเบียบ’ ซึ่งช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนี้

ปี 2025 เป็นช่วงที่บิตคอยน์ครองแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการทำ ‘ราคาสูงสุดครั้งใหม่’ ซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยมีผู้เล่นชัดเจนอย่าง ETF บริษัทจัดการสินทรัพย์ และฝ่ายการเงินของบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามามีบทบาทสำคัญ ส่งผลให้ ‘เสถียรภาพของราคา’ และ ‘ความลึกของหนังสือคำสั่งซื้อ’ ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รายงานจากไคโก้ รีเสิร์ชยังชี้ว่าแม้นักลงทุนรายใหญ่อย่างวาฬจะลดพอร์ต แต่ตลาดก็สามารถดูดซับแรงเทขายได้โดยไม่กระทบราคามากนัก แสดงถึงความแข็งแกร่งของระบบตลาด

การเปลี่ยนแปลงในระดับโครงสร้างนี้สะท้อนผ่านท่าทีใหม่ของสถาบันการเงินชั้นนำ อาทิ เจพีมอร์แกน, แบล็คร็อก และแวนการ์ด ที่เคยลังเลกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ปัจจุบันกลับเข้ามาลงทุนและขยายกลยุทธ์ทางดิจิทัลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกรณีของแวนการ์ด ที่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาได้เปิดให้ซื้อขายผลิตภัณฑ์คริปโต เช่น บิตคอยน์ อีเธอเรียม(ETH) ริปเปิล(XRP) และโซลานา(SOL) ผ่าน ETF และกองทุนรวมบนแพลตฟอร์มของตนเอง นับเป็นการพลิกจุดยืนจากความระมัดระวังสู่การยอมรับเต็มตัว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ใช่แค่การเพิ่มผลิตภัณฑ์ แต่เป็นการ ‘ปูทางสู่การรวมสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับโครงสร้างสถาบัน’ อย่างจริงจัง

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ได้จำกัดแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น ธนาคารชั้นนำของฝรั่งเศสอย่างกลุ่ม BPCE ก็เดินหน้าในทิศทางเดียวกัน โดยเปิดบริการซื้อ-ถือครองคริปโตหลัก เช่น บิตคอยน์ อีเธอเรียม โซลานา และ USDC ผ่านแอปธนาคารโดยตรง ผ่านบริษัทในเครือ Hexarq ซึ่งสะท้อนว่า ‘ยุโรป’ เองก็กำลังขยับเข้าหาสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับการให้บริการทางการเงินแบบกระแสหลัก

ด้านความผันผวนของราคาเองก็มีแนวโน้มดีขึ้น บิตคอยน์มีความผันผวนเฉลี่ยแบบโรลลิง 180 วัน ลดลงจากราว 120% ในปี 2018 เหลือเพียง 35-40% ในช่วงปลายปี 2025 ซึ่งไคโก้ประเมินว่าเป็นหลักฐานที่ชัดเจนของการเปลี่ยนสถานะ ‘จากสินทรัพย์สายเก็งกำไร’ สู่ ‘ตราสารในพอร์ตสถาบัน’ ขณะเดียวกัน เหตุการณ์เทขายใหญ่ระดับ 8 หมื่น BTC หรือประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ ก็ไม่สามารถฉุดราคาลงได้แรงเหมือนในอดีต การปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นสัญญาณของความ ‘มั่นคงในการจับคู่คำสั่งซื้อขาย’ ที่แข็งแรงกว่าเดิม

อีกหนึ่งปัจจัยบ่งชี้ถึง ‘การเติบโตของตลาด’ คือความก้าวหน้าทางกฎระเบียบ ในยุโรป มีการบังคับใช้กรอบกฎหมาย MiCA (Markets in Crypto-Assets) ขณะที่ในสหรัฐฯ กฎหมาย GENIUS Act ได้จัดตั้งระบบกำกับดูแลสเตเบิลคอยน์ในระดับรัฐบาลกลางแล้ว กรอบเหล่านี้ช่วยให้สถาบันต่างๆ สามารถให้บริการคริปโตได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความไม่แน่นอนด้านกฎหมาย นอกจากนี้ ไคโก้ยังชี้ว่า ‘มาตรฐานด้านโครงสร้างและความโปร่งใสของแพลตฟอร์มซื้อขายแบบเปิด’ ที่เพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันสามารถเชื่อมั่นในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากยิ่งขึ้น

การที่ตลาดคริปโตเข้าสู่กระบวนการ ‘เป็นระบบ’ มากขึ้น ทำให้ธนาคารและนักลงทุนสถาบันไม่สามารถละเลยสินทรัพย์ดิจิทัลได้อีกต่อไป ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ การเพิ่มขึ้นของสภาพคล่อง และคุณภาพการจับคู่คำสั่งที่ดีขึ้น ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ผลักดันให้ *บิตคอยน์* ก้าวเข้าสู่สถานะ *สินทรัพย์กระแสหลัก* อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า การเชื่อมโยงระหว่างโลกการเงินดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัล กำลังจะกลายเป็น *ความเป็นจริงที่จับต้องได้* เร็วกว่าที่หลายคนคาดคิด

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1