ทรัมป์ผลักดันนโยบายถือครองคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ ตลาดตอบรับทันที

ประธานาธิบดีทรัมป์ผลักดันแผนการถือครองสินทรัพย์คริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมคริปโต แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ายังคงไม่สามารถทดแทนกฎระเบียบที่ชัดเจนได้

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ตามรายงานของ Cointelegraph แพทริก ยัง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตลาดของ Galxe บริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน Web3 กล่าวว่านโยบายการจัดสรรทุนสำรองคริปโตของฝ่ายบริหารทรัมป์อาจเป็นมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม เขาเน้นว่าปัจจัยสำคัญที่ตลาดต้องการคือ ‘กฎระเบียบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น’

ก่อนหน้านี้ ในวันที่ 2 มีนาคม ทรัมป์โพสต์ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขา ‘Truth Social’ ระบุว่าต้องการให้สหรัฐฯ ถือครองสกุลเงินดิจิทัลอย่าง ‘ริปเปิล(XRP)’, ‘โซลานา(SOL)’ และ ‘คาร์ดาโน(ADA)’ เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์สำรองของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการประกาศเพิ่มเติมว่าบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) จะถูกเพิ่มเข้าไปเป็นสินทรัพย์หลักในรายการดังกล่าว

หลังจากประกาศดังกล่าว ตลาดคริปโตตอบสนองในทันที โดยราคาบิตคอยน์พุ่งสูงกว่า 90,000 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 87,000 ดอลลาร์ ขณะที่ ADA ทะยานขึ้นกว่า 40% ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการประกาศ อย่างไรก็ตาม แพทริก ยัง เตือนว่าด้านที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ‘แนวทางกฎระเบียบที่เอื้อต่ออุตสาหกรรม’ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

ทรัมป์ยังแสดงความเป็นมิตรต่อวงการคริปโตผ่านการแต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) พร้อมทั้งเร่งผลักดันการอนุมัติผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโต ซึ่งเคยหยุดชะงักในยุครัฐบาลก่อน

อย่างไรก็ตาม มีข้อกังขาเกี่ยวกับสัดส่วนสินทรัพย์คริปโตในทุนสำรองของรัฐบาล ซึ่งมีอัตราการถือครองอัลต์คอยน์ที่สูง แพทริก ยัง เปิดเผยว่า ‘มีบางฝ่ายสงสัยว่าทรัมป์อาจมีแรงจูงใจส่วนตัวในการเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์คริปโตที่เขาถือครอง’

ขณะที่ อดัม โอไบรอัน ซีอีโอของ Bitcoin Well บริษัทด้านการศึกษาเกี่ยวกับคริปโต แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากความเป็นศูนย์กลางของสินทรัพย์ดิจิทัล โดยกล่าวว่า ‘หากต้องการรักษาความมั่นคงของทุนสำรอง รัฐบาลควรเลือกถือครองสินทรัพย์ที่เชื่อถือได้ เช่น หุ้นกลุ่มบลูชิพ มากกว่าการเพิ่มอัลต์คอยน์ที่มีแนวโน้มความผันผวนสูง’

อุตสาหกรรมคริปโตยังคงจับตามองนโยบายการถือครองคริปโตของรัฐบาลสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์เชื่อว่ามาตรการดังกล่าวอาจกระตุ้นตลาดในระยะสั้น แต่การที่ SEC จะกำหนดแนวทางและกฎระเบียบที่โปร่งใสเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว