ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมจัดประชุมสุดยอดคริปโตครั้งแรกที่ทำเนียบขาวในวันที่ 7 มีนาคม โดยจะมีผู้ก่อตั้ง, ซีอีโอ และนักลงทุนรายใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโตเข้าร่วม เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายการกำกับดูแล, การควบคุมสเตเบิลคอยน์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทุนสำรองบิตคอยน์(BTC)
การประชุมครั้งนี้จะนำโดยเดวิด แซกส์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบด้าน ‘นโยบาย AI และคริปโต’ แห่งทำเนียบขาว และโบ ไฮน์ส เลขานุการของคณะทำงานด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในสังกัดประธานาธิบดี
ทรัมป์เคยแต่งตั้งแซกส์ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนโยบายคริปโตและ AI ของทำเนียบขาวเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน พร้อมให้คำมั่นว่า "จะสร้างกรอบกฎหมายที่ชัดเจนเพื่อให้อุตสาหกรรมคริปโตเติบโตในสหรัฐฯ" นอกจากนี้ เขายังกล่าวเสริมว่า "การปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกทางออนไลน์และลดการเซ็นเซอร์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีถือเป็นประเด็นสำคัญ"
ตลอดช่วงที่ผ่านมา ทรัมป์ได้เน้นย้ำว่าการกำหนดนโยบายคริปโตเป็น ‘ลำดับความสำคัญของชาติ’ ครั้งนี้จึงนับเป็นวาระสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางนโยบายในช่วง 4 ปีข้างหน้า
โจ ดอล ที่ปรึกษากฎหมายแห่ง Magic Eden แสดงความเห็นว่า "รัฐบาลทรัมป์ต้องเร่งผลักดันนโยบายที่เป็นมิตรต่อคริปโตภายในปี 2026 ก่อนจะถึงการเลือกตั้งกลางเทอม" พร้อมเสริมว่า "ขณะนี้ รัฐบาลถือไพ่เหนือกว่าสภาคองเกรส ดังนั้น การดำเนินมาตรการอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางกฎหมาย"
หนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุมคือ ‘กฎระเบียบสเตเบิลคอยน์’ โดยเจเรมี ออลเลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Circle ได้กล่าวว่า "บริษัทที่ออกสเตเบิลคอยน์ที่ใช้ดอลลาร์สหรัฐควรจดทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ" พร้อมเตือนว่า "บริษัทที่ออกสเตเบิลคอยน์ในต่างประเทศไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้าถึงตลาดสหรัฐฯ โดยไม่มีการควบคุม"
อีกประเด็นสำคัญคือการรวม ‘บิตคอยน์เป็นทุนสำรองแห่งชาติ’ ขณะนี้ 24 รัฐในสหรัฐฯ ได้ยื่นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการถือครองบิตคอยน์ในระดับรัฐ ซึ่งอาจนำไปสู่การพิจารณาในระดับรัฐบาลกลาง อิลิยา คัลเชฟ นักวิเคราะห์จาก Nexo ชี้ว่า "แม้ร่างกฎหมายในระดับรัฐจะมีนัยสำคัญ แต่หากไม่มีการประกาศโครงการจัดซื้อบิตคอยน์ขนาดใหญ่จากรัฐบาลกลาง ตลาดอาจยังคงมีปฏิกิริยาจำกัด"
บิตคอยน์ทำกำไรเฉลี่ย 1,077% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกลยุทธ์การถือครองระยะยาว หากที่ประชุมสุดยอดครั้งนี้สามารถกำหนดแนวทางที่เป็นรูปธรรม ตลาดคริปโตอาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0