Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ปั๊มฟัน(PUMP) ระดมทุนทะลุ 600 ล้านดอลลาร์ใน 12 นาที จุดกระแสมีมคอยน์ร้อนแรงปี 2025

แพลตฟอร์ม ‘ปั๊มฟัน(Pump.fun)’ กลายเป็นจุดสนใจของวงการคริปโต ด้วยการระดมทุนจากการขายเหรียญครั้งใหญ่ที่สุดในปี 2025 โดยเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม PUMP โทเคนสามารถระดมทุนได้ถึง 600 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,670 ล้านบาท) ภายในเวลาเพียง 12 นาที สะท้อนความร้อนแรงของกระแส ‘มีมคอยน์’ อย่างชัดเจน ขณะที่โครงการสายดีไฟแน้นซ์(DeFi) ที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์อย่าง ‘เวิลด์ลิเบอร์ตีไฟแนนเชียล(WLFI)’ ก็ตามมาเป็นอันดับสองด้วยยอดระดมทุน 550 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,948 ล้านบาท)

‘ปั๊มฟัน’ คือแพลตฟอร์มลอนช์แพดโมเดลบนโซลานา(SOL) สำหรับเหรียญในกลุ่มมีมคอยน์ ในการขายครั้งนี้ พวกเขาเปิดขายโทเคนเพียง 12.5% จากจำนวนทั้งหมด 1 ล้านล้านโทเคน โดยมีการแจกจ่ายไว้ก่อนหน้าแล้ว 18% ผ่านรอบพรีเซลล์ แม้จะมีการบังคับใช้ระบบยืนยันตัวตน(KYC) แต่ความแรร์ของโทเคนและความคาดหวังในตลาดมีมคอยน์ ได้จุดกระแสการลงทุนอย่างรวดเร็ว *ความเห็น*: กลยุทธ์จำกัดซัพพลายยังคงได้ผลในตลาดที่เน้นความเร็วและกระแส

ทางโครงการเปิดเผยว่า รายได้จากโทเคนจะนำไปต่อยอดบริการใหม่ เช่น โซเชียลบนเชน และระบบไลฟ์สตรีม ส่วนโทเคนส่วนที่เหลือจะถูกจัดสรรให้กับทีมพัฒนา ชุมชน สภาพคล่อง นักลงทุน รวมถึงกองทุนสตรีมมิ่งตลอดจนภารกิจต่าง ๆ ในอนาคต

ด้าน WLFI ซึ่งได้รับการกล่าวถึงอย่างมากในสหรัฐฯ จากการสนับสนุนของทรัมป์ ถูกมองว่าเป็นจุดตัดของ ‘การเมือง’ กับ ‘คริปโต’ ในปี 2025 โดยสามารถระดมทุนได้ถึง 550 ล้านดอลลาร์จากการเปิดขาย 25% ของโทเคนทั้งหมด (25,000 ล้านโทเคน) ภายในรอบที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา *ความเห็น*: การอิงกระแสการเมืองเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ระดมทุนที่น่าสนใจในปีนี้

แจ็ค โฟล์กแมน(Zak Folkman) ผู้ร่วมก่อตั้ง WLFI ระบุว่า มีแผนเปิดขายโทเคนต่อเนื่อง คิดเป็น 63% ของจำนวนโทเคนทั้งหมด 100,000 ล้านโทเคน ซึ่งอาจมีอีกหลายรอบตามมาในอนาคต

นอกเหนือจากสองโปรเจกต์หลัก ยังมีอีกหลายโครงการที่สร้างกระแสด้วยยอดขายระดับสูง เช่น โมนาด(Monad) โครงการเลเยอร์ 1 ที่เปิดตัวเมนเน็ตเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน และสามารถระดมทุนได้ 217 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,138 ล้านบาท) โดยมีการกระจายโทเคนแล้ว 10.8% จากทั้งหมด 100,000 ล้านโทเคน

เมกาอีเธอเรียม(MegaETH) โซลูชันเลเยอร์ 2 สำหรับการขยายประสิทธิภาพของอีเธอเรียม(ETH) ก็ไม่แพ้กัน ด้วยการระดมทุนถึง 78 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,127 ล้านบาท) จากกลุ่มนักลงทุนชื่อดังอย่าง ‘ดราก้อนฟลายแคปิตอล’ และ วีตาลิก บูเทรน(Vitalik Buterin)

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่น่าจับตามองอย่าง เอซเท็ค(Aztec Network) - โปรโตคอลเลเยอร์ 2 ที่เน้นความเป็นส่วนตัวและโซลูชันแบบ Zero-knowledge ซึ่งระดมทุนได้ 52 ล้านดอลลาร์ (ราว 751 ล้านบาท) และพลาสมา(Plasma) - บล็อกเชนสำหรับสเตเบิลคอยน์ที่รวมความปลอดภัยของบิตคอยน์(BTC) เข้ากับความเข้ากันได้กับ EVM ซึ่งดึงเงินทุนได้ถึง 50 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 723 ล้านบาท)

ในกลุ่มท็อปเท็นของการขายโทเคน ยังมีโปรเจกต์ใหม่อย่าง เจเนซิน(Gensyn) ที่กวาดเงิน 16 ล้านดอลลาร์, โซเลเยอร์(Solayer) 10.5 ล้านดอลลาร์, ซาฮาราเอไอ(Sahara AI) 8.5 ล้านดอลลาร์ และลอมบาร์ด(Lombard) 6.7 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า *บล็อกเชนกำลังหลากหลายและแข่งขันสูงขึ้นกว่าเดิม*

*ความคิดเห็น*: โทเคนเซลล์ในปี 2025 แสดงให้เห็นทิศทางใหม่ของวงการคริปโตที่เน้นกลยุทธ์เฉพาะตัว มีการผสานกับเทรนด์โซเชียล การเมือง และเทคโนโลยีเฉพาะด้าน เช่น ระบบไพรเวซีและการขยายเครือข่าย ทั้งยังสะท้อนถึงพัฒนาการของเลเยอร์ 2 และเชนทางเลือกที่เริ่มได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1