ตลาดคริปโตกำลังเผชิญกับแนวโน้มขาลงอีกครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) กระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจใช้มาตรการคุมเข้มนโยบายการเงินมากขึ้น ทำให้เกิดแรงเทขายในตลาด โดยตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มูลค่าการ 'ล้างพอร์ต' (liquidation) ทะลุ 600 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8.76 หมื่นล้านบาท) ซึ่งยิ่งเพิ่มความกดดันต่อตลาดโดยรวม
'บิตคอยน์(BTC)' ยังคงเป็นศูนย์กลางของการปรับฐาน แม้รัฐบาลสหรัฐฯ ตัดสินใจเพิ่มการถือครอง BTC แต่ราคากลับร่วงลงกว่า 4% ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 82,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 12 ล้านบาท) ขณะที่มูลค่าตลาดลดลงเหลือ 1.63 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 238 ล้านล้านบาท) และในช่วง 24 ชั่วโมง มีการล้างพอร์ตมูลค่ากว่า 239.92 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท)
'อีเธอเรียม(ETH)' และ 'อัลต์คอยน์' อื่น ๆ ก็ไม่สามารถต้านกระแสขาลงได้ โดย ETH ร่วงลงกว่า 5% ซื้อขายอยู่ที่ 2,066 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.02 แสนบาท) ส่วน 'โซลานา(SOL)' และ 'ริปเปิล(XRP)' ก็ปรับตัวลง 7% และ 5.6% ตามลำดับ ETH มีมูลค่าการล้างพอร์ตถึง 108.01 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.57 หมื่นล้านบาท) ขณะที่ XRP และ SOL มีมูลค่าล้างพอร์ต 30.56 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.45 พันล้านบาท) และ 26.46 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.85 พันล้านบาท) ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกเหรียญที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ 'Story IP' กลับพุ่งขึ้น 9.6% ขณะที่ 'Ethena(ENA)' และ 'XAUt' ก็มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.1% และอีกเล็กน้อย ในทางตรงกันข้าม 'JASMY', 'KAS' และ 'MKR' กลับร่วงลงกว่า 10% สะท้อนถึงภาวะตลาดที่ยังคงไม่แน่นอน
ดัชนี 'ความกลัวและความโลภ' (Fear & Greed Index) ลดลงเหลือ 17 จุด อยู่ในระดับ 'ความกลัวสุดขีด' (Extreme Fear) อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อ ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายพุ่งขึ้นถึง 94% แตะ 101.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 14.8 ล้านล้านบาท) ทั้งนี้ อนาคตของตลาดคริปโตกำลังจับตาทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของ Fed และตัวชี้วัดเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มราคาในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0