ไบแนนซ์ปรับกระบวนการพิจารณาโทเคนใหม่ เพิ่มมาตรฐานตรวจสอบเข้มงวด
ไบแนนซ์ประกาศเปิดตัวระบบตรวจสอบโทเคนใหม่บนแพลตฟอร์ม 'อัลฟ่า(Alpha)' เมื่อวันที่ 12 มีนาคม โดยมีเป้าหมายเพื่อคัดกรองโครงการที่ขาดคุณสมบัติออกจากแพลตฟอร์ม ระบบใหม่นี้จะประเมินทั้งปัจจัยเชิงปริมาณ เช่น ปริมาณการซื้อขาย สภาพคล่อง ความถี่ของธุรกรรมบนบล็อกเชน และการกระจายตัวของผู้ถือโทเคน รวมถึงปัจจัยเชิงคุณภาพ อย่างความน่าเชื่อถือของทีมพัฒนา ระดับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และชื่อเสียงของชุมชน
แพลตฟอร์ม 'ไบแนนซ์ อัลฟ่า' เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2024 เพื่อสนับสนุนโครงการคริปโตเคอร์เรนซีระยะเริ่มต้นและให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ผู้ลงทุน โดยมีการแนะนำคริปโตใหม่วันละ 5 รายการ อย่างไรก็ตาม ภายใต้นโยบายใหม่นี้ โครงการที่ไม่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดอาจถูกลบออกจากแพลตฟอร์ม
ขณะที่ตลาดคริปโตกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว การแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกกำลังปรับมาตรฐานเพื่อคัดกรองโครงการที่มีคุณภาพดีขึ้น โดยในปัจจุบันมีการสร้างโทเคนใหม่มากกว่า 10 ล้านรายการทั่วโลก สอดคล้องกับข้อมูลจาก ‘คอยน์มาร์เก็ตแคป(CoinMarketCap) ’ ซึ่งระบุว่า ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2025 มีโทเคนคริปโตที่ลงทะเบียนแล้วมากถึง 11 ล้านรายการ และปัจจุบันตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 12.5 ล้านรายการ
เพื่อรับมือกับโทเคนจำนวนมหาศาล ไบแนนซ์นำระบบโหวตจากชุมชนมาใช้เมื่อวันที่ 9 มีนาคม เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ลงคะแนนเกี่ยวกับการลิสต์และเพิกถอนโครงการ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจสุดท้ายยังคงขึ้นอยู่กับไบแนนซ์
ด้าน ‘คอยน์เบส(Coinbase)’ ก็กำลังพิจารณาปรับกระบวนการลิสต์โทเคน โดยไบรอัน อาร์มสตรอง(Brian Armstrong) ซีอีโอของคอยน์เบส โพสต์ผ่าน X (เดิมคือ Twitter) เมื่อวันที่ 24 มกราคม ว่าปัจจุบันมีโทเคนใหม่เกิดขึ้นกว่า 1 ล้านรายการต่อสัปดาห์ และหน่วยงานกำกับดูแลควรเปลี่ยนแนวทางจากนำเข้าโครงการที่ได้รับอนุมัติ ล่วงหน้า (allow list) ไปสู่การใช้บัญชีดำเพื่อลดความเสี่ยง
กระแส ‘มีมคอยน์’ ช่วงที่ผ่านมายังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีโทเคนใหม่จำนวนมาก โดยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วถึงกุมภาพันธ์ปีนี้ มีโทเคนใหม่มากกว่า 40,000 รายการถูกสร้างขึ้นบน ‘โซลานา(SOL)’ ทุกวัน อย่างไรก็ตามแนวโน้มเริ่มลดลง โดยแพลตฟอร์มเปิดตัวโทเคน ‘Pump.fun’ รายงานว่าจำนวนโครงการใหม่ลดลงถึง 80% จากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์
ด้วยแนวทางที่เข้มงวดขึ้นของไบแนนซ์และแพลตฟอร์มชั้นนำอื่น ๆ โครงการใหม่ที่ขาดความมั่นคงอาจเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นในการเข้าสู่ตลาด ส่งผลให้ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น
ความคิดเห็น 0