กระแสข่าวล่าสุดเผยว่า ‘คราเคน’ กำลังอยู่ระหว่างกระบวนการเข้าซื้อแพลตฟอร์มซื้อขายฟิวเจอร์ส ‘นินจาเทรดเดอร์’ เพื่อขยายตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 19 ตามรายงานของ Wall Street Journal (WSJ) คราเคนอาจปิดดีลการเข้าซื้อกิจการนินจาเทรดเดอร์ด้วยมูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.19 ล้านล้านวอน) โดยคาดว่าการประกาศอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นภายในวันที่ 20 มีนาคม
ข้อตกลงนี้จะทำให้คราเคนได้รับ ‘ใบอนุญาต FCM’ ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกำกับสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (CFTC) ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถให้บริการซื้อขายฟิวเจอร์สและตราสารอนุพันธ์ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายภายในสหรัฐฯ
WSJ วิเคราะห์ว่าการลงทุนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์กระจายบริการของคราเคน ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับแผนขยายกิจการสู่ตลาดหุ้นและการให้บริการชำระเงิน นอกจากนี้ยังช่วยเสริมศักยภาพของคราเคนในตลาดโลก โดยมีโอกาสสนับสนุนการขยายตัวของนินจาเทรดเดอร์เข้าสู่สหราชอาณาจักร ยุโรป และออสเตรเลีย
แม้ว่าคราเคนจะเข้าครอบครองนินจาเทรดเดอร์ แต่แพลตฟอร์มจะยังคงดำเนินงานในฐานะหน่วยธุรกิจอิสระ ขณะที่ทั้งสองบริษัทไม่ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข้อตกลงนี้
สำหรับข้อมูลทางธุรกิจของคราเคน ในปี 2024 บริษัทสร้างรายได้ประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ และมีปริมาณการซื้อขายรวม 665 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 97.1 ล้านล้านวอน) พร้อมทั้งบัญชีฝากเงินมากกว่า 2.5 ล้านบัญชี ในทางกลับกัน นินจาเทรดเดอร์ให้บริการเครื่องมือซื้อขายฟิวเจอร์สแก่ผู้ใช้กว่า 1.8 ล้านราย
ก่อนหน้านี้ คราเคนประกาศยุติแพลตฟอร์ม NFT ในเดือนพฤศจิกายน 2023 เพื่อมุ่งเน้นที่ธุรกิจหลัก นอกจากนี้ การฟ้องร้องของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ (SEC) ที่กล่าวหาว่าคราเคนดำเนินกิจการเป็นนายหน้าและตลาดหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต ถูกยกฟ้องเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายของบริษัทลงได้มาก
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์มองว่าการที่ ‘ทรัมป์’ สนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต อาจเป็นปัจจัยเสริมให้แพลตฟอร์มหลัก ๆ เช่น คราเคน มีโอกาสขยายธุรกิจมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน คราเคนเป็นหนึ่งใน 7-15 อันดับแรกของตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก และมีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันตลอดช่วงสามเดือนที่ผ่านมาอยู่ระหว่าง 390 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 57 พันล้านวอน) ถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 642 พันล้านวอน)
ความคิดเห็น 0