ปากีสถานเสนอใช้พลังงานส่วนเกินขุดบิตคอยน์ หวังดึงดูดการลงทุน

สภาคริปโตของปากีสถานเสนอใช้พลังงานส่วนเกินขุดบิตคอยน์

สภาคริปโตของปากีสถาน (Pakistan Crypto Council) กำลังผลักดันแนวทางการใช้ ‘พลังงานส่วนเกิน’ ในประเทศเพื่อขุดบิตคอยน์(BTC) โดยหวังให้เป็นวิธีการกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ

เมื่อวันที่ 21 ที่ผ่านมา การประชุมครั้งแรกของสภาฯ จัดขึ้นโดยมี บิลาล บิน ซากิบ ประธานสภาเป็นผู้นำเสนอแนวคิดนี้อย่างเป็นทางการ โดยเขาให้ความเห็นว่า ปากีสถานควรใช้พลังงานที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในปัจจุบัน เพื่อเปลี่ยนให้เป็นโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านการขุดคริปโต

ตามรายงานของสำนักข่าว ‘เดอะ เนชั่น’ การประชุมดังกล่าวมีบุคคลสำคัญในแวดวงการเงินและเทคโนโลยีของปากีสถานเข้าร่วม ได้แก่ ผู้ว่าการธนาคารกลาง, ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์(SECP), รัฐมนตรีกระทรวงไอที และสมาชิกสภานิติบัญญัติบางส่วน โดย มูฮัมหมัด ออแรงเซบ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่าสิ่งนี้ถือเป็น ‘ก้าวสำคัญ’ ในการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจของปากีสถานสู่ยุคดิจิทัล พร้อมเน้นย้ำว่าการสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่โปร่งใสและก้าวหน้าจะช่วยดึงดูดการลงทุนและสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่

แนวทางนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายครั้งใหญ่สำหรับรัฐบาลปากีสถาน ก่อนหน้านี้ ในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว อาเยชา โกส ปาชา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเคยแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการทำให้คริปโตถูกกฎหมายโดยอ้างอิงถึงข้อกำหนดของ FATF (Financial Action Task Force) อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มของตลาดคริปโตในระดับโลกและความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายในประเทศอื่นๆ ปากีสถานจึงเริ่มกลับมาทบทวนท่าทีของตนเองอีกครั้ง

หนึ่งในปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อจุดยืนของปากีสถานคือการเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสหรัฐฯ รัฐบาลปากีสถานได้ประกาศแผนกำกับดูแลคริปโตอย่างเป็นทางการ และต่อมาในวันที่ 20 มกราคม ปีนี้ นโยบายของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ก็เริ่มส่งผลกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมนี้

เมื่อวันที่ 23 มกราคม ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อจัดตั้ง ‘คณะทำงานสินทรัพย์ดิจิทัล’ ซึ่งมุ่งเป้าไปที่การปฏิรูปกฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโต ในขณะเดียวกัน คำสั่งดังกล่าวยังสั่งห้ามการวิจัยเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) อย่างสิ้นเชิง ต่อมาในเดือนมีนาคม เขายังออกคำสั่งใหม่เพื่อผลักดันแนวคิด ‘การสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์’ พร้อมกับแผนสร้าง ‘คลังสินทรัพย์ดิจิทัล’ ซึ่งอาจนำไปสู่การสะสมสินทรัพย์คริปโตที่ผลิตโดยบริษัทในสหรัฐฯ

สำหรับปากีสถาน ทางรัฐบาลกำลังวางแผนพัฒนาโครงสร้างทางกฎหมายและระบบกำกับดูแลสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างเศรษฐกิจในประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญที่ปากีสถานต้องเผชิญคือการรักษาสมดุลระหว่างการออกมาตรการสนับสนุนคริปโตและการปฏิบัติตามมาตรฐานขององค์กรอย่าง FATF ซึ่งจะเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคตของอุตสาหกรรมนี้ในประเทศ