ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศเป้าหมายที่จะทำให้สหรัฐฯ กลายเป็น ‘มหาอำนาจบิตคอยน์’ แต่คำถามที่เกิดขึ้นคือ สหรัฐฯ มีคู่แข่งจริงหรือไม่ในสนามนี้
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ทรัมป์กล่าวสุนทรพจน์ที่งาน Blockworks Digital Asset Summit โดยย้ำว่าสหรัฐฯ จะกลายเป็น ‘ศูนย์กลางของบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีระดับโลก’ รัฐบาลของเขากำลังผลักดันนโยบายเชิงรุกเพื่อรองรับเป้าหมายนี้ รวมถึงแนวคิดเรื่อง ‘การสำรองบิตคอยน์เชิงยุทธศาสตร์’ ซึ่งถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมการยอมรับบิตคอยน์ในระดับประเทศ
อย่างไรก็ตาม บรรดาชาติคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ และประเทศคู่แข่งทางภูมิรัฐศาสตร์ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้บิตคอยน์เป็น ‘สินทรัพย์สำรอง’ ตัวอย่างเช่น จีนเคยสั่งห้ามคริปโตโดยสิ้นเชิง แม้ปัจจุบันจะผ่อนปรนให้ทำเหมืองได้ในบางกรณี แต่บิตคอยน์ก็ยังคงเป็นสิ่งต้องห้ามในเชิงกฎหมาย สหภาพยุโรป(EU) ได้ออกกฎระเบียบ MiCA ในปี 2023 แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สนับสนุนให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองในระดับรัฐบาล ส่วนประเทศเศรษฐกิจสำคัญอย่างสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี และแคนาดา ก็ยืนกรานไม่ใช้บิตคอยน์เป็นทุนสำรองเช่นกัน
ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ ‘การสำรองบิตคอยน์’ ของรัฐบาลสหรัฐฯ ก็เป็นที่ถกเถียงเช่นกัน ศาสตราจารย์เอสวาร์ พราสาด นักเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล แสดงความกังขาว่า "นโยบายนี้อาจไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่กลับเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่ถือบิตคอยน์อยู่แล้วมากกว่า" อีกทั้งโดยปกติ การสำรองสินทรัพย์ระดับประเทศมักเกี่ยวข้องกับทรัพยากรที่จำเป็น เช่น น้ำมัน หรืออาหาร มากกว่าสกุลเงินดิจิทัลที่มีความผันผวนสูง นอกจากนี้ ยังมีข้อโต้แย้งว่าภาครัฐไม่ควรเข้าไปแทรกแซงตลาดบิตคอยน์ในลักษณะนี้
แม้แต่ในหมู่ผู้สนับสนุนบิตคอยน์ก็มีเสียงวิจารณ์นโยบายนี้ ชาลส์ เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้ก่อตั้ง Capriol Investments ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์สินทรัพย์ดิจิทัล กล่าวว่า "เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังที่รัฐบาลสหรัฐฯ เพียงแค่ ‘ถือบิตคอยน์ระยะยาว’ (HODL) โดยไม่มีการพิจารณาผลกระทบอย่างรอบคอบของนโยบาย"
ปัจจุบัน สหรัฐฯ ดูเหมือนจะเป็นเพียงประเทศเดียวที่แสดงท่าทีจริงจังกับแนวทาง ‘บิตคอยน์สแตนดาร์ด’ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว บางพรรคการเมืองฝ่ายขวาในยุโรปเริ่มผลักดันแนวคิดให้บิตคอยน์กลายเป็นสินทรัพย์สำรองของรัฐ ขณะที่ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น บราซิล ก็มีการหารือเกี่ยวกับการถือครองบิตคอยน์ในระดับรัฐบาล
ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จของนโยบายการสำรองบิตคอยน์ของสหรัฐฯ ยังเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่สิ่งที่แน่ชัดคือ จุดยืนของรัฐบาลทรัมป์ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในเวทีการเงินโลก และอาจเปลี่ยนโฉมบทบาทของบิตคอยน์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0