บิตคอยน์(BTC) ฟื้นตัวจากแนวโน้มขาลงเมื่อไม่นานมานี้ แต่ยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการรักษาแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่าอาจมี ‘การปรับฐานเพิ่มเติม’ และราคามีโอกาสร่วงลงไปที่ 65,000 ดอลลาร์
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม บิตคอยน์ร่วงลงแตะ 76,600 ดอลลาร์ ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาได้สูงสุด 14% อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันยังคงต่ำกว่าระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 110,000 ดอลลาร์ ถึงประมาณ 25% ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของ ‘การปรับฐานในตลาดขาขึ้น’ แต่บางนักวิเคราะห์มองว่าแรงขายยังคงมีอิทธิพลสูง
นักวิเคราะห์ GDXTrader ชี้ว่าบิตคอยน์เผชิญแนวต้านที่ 87,470 ดอลลาร์ และเกิดรูปแบบ ‘Dark Cloud Cover’ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงลบที่บ่งบอกว่าแรงขายกำลังครอบงำตลาด เขาเสริมว่าราคาจะยังคงอยู่ใน ‘ภาวะขาลง’ เว้นแต่จะทะลุแนวต้านที่ 90,000-93,000 ดอลลาร์ได้
CrediBULL Crypto นักเทรดชื่อดัง ระบุว่าบิตคอยน์ถูก ‘ปฏิเสธอย่างสมบูรณ์ (Perfect Rejection)’ ที่แนวต้าน 86,000-88,000 ดอลลาร์ และมีแนวโน้มที่จะทดสอบแนวรับ 77,000-79,000 ดอลลาร์ หากแนวรับนี้ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ราคามีโอกาสร่วงลงไปที่ช่วง 65,000-74,000 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์ CryptOpus กล่าวว่าบิตคอยน์มี ‘ความสัมพันธ์สูง’ กับดัชนีหุ้นแนสแด็ก(NDX) และ S&P 500(SPX) พร้อมระบุว่าราคากำลังสร้างรูปแบบ ‘Bear Flag’ ซึ่งเป็นสัญญาณของการปรับฐานต่อเนื่อง หากรูปแบบนี้คงอยู่ ราคามีแนวโน้มลดลงถึง 72,000 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ‘ความผันผวนของบิตคอยน์’ ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยและนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อนักลงทุนทั่วโลก อาร์เธอร์ ไบรท์แมน ผู้ร่วมก่อตั้งเทโซส(XTZ) เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจเป็น ‘ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ’ ต่อ ‘ตลาดคริปโต’
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญจะเห็นพ้องว่าบิตคอยน์ต้องฝ่าแนวต้านสำคัญเพื่อพลิกกลับสู่แนวโน้มขาขึ้น แต่ในระยะสั้น ‘ความเป็นไปได้ในการปรับฐานเพิ่มเติม’ ยังคงอยู่ นักลงทุนจึงควรใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจลงทุน
ความคิดเห็น 0