ประธานคณะกรรมาธิการบริการทางการเงินแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ‘เฟรนช์ ฮิลล์’(French Hill) และประธานคณะอนุกรรมการสินทรัพย์ดิจิทัล ‘ไบรอัน สไตล์’(Bryan Steil) ได้เปิดเผยร่างกฎหมายฉบับใหม่สำหรับการกำกับดูแล ‘สเตเบิลคอยน์’ ซึ่งถูกตั้งชื่อว่า ‘กฎหมาย STABLE 2025’ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนและเสริมสร้างเสถียรภาพทางการเงิน
หนึ่งในประเด็นสำคัญของร่างกฎหมายนี้คือการ ‘ห้ามออกสเตเบิลคอยน์ที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัทเดียวกันเป็นหลักประกัน’ (Endogenously Collateralized Stablecoin) เป็นระยะเวลา 2 ปี เนื่องจากฝ่ายนิติบัญญัติเห็นว่าการใช้สินทรัพย์ของบริษัทผู้ให้บริการเองเป็นหลักประกัน อาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้าน ‘การปั่นราคา’ ความผันผวน และปัญหาสภาพคล่องในตลาด
เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม หน่วยงานสำคัญของรัฐบาล เช่น กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และสำนักงานควบคุมสกุลเงิน (OCC) จะร่วมกันวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยี โครงสร้างการกำกับดูแล และส่วนประกอบของเงินสำรองสเตเบิลคอยน์ นอกจากนี้จะมีการศึกษาผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค
ร่างกฎหมายยังระบุข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับ ‘ผู้ออกสเตเบิลคอยน์’ โดยกำหนดให้เป็นสถาบันการเงินที่ได้รับประกันเงินฝาก หรือบริษัทการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารแต่ผ่านการรับรองตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมถึงต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเงินทุนที่เข้มงวด รักษาสภาพคล่อง และต้องเปิดเผยงบการเงินทุกเดือน นอกจากนี้ยังต้องดำเนินการตรวจสอบบัญชีโดยองค์กรอิสระ และนำระบบบริหารความเสี่ยงมาใช้
‘ไบรอัน สไตล์’ กล่าวในแถลงการณ์ว่า “กฎหมายฉบับนี้จะมอบโครงสร้างกำกับดูแลที่ชัดเจน เพื่อกระตุ้นนวัตกรรมในตลาดสเตเบิลคอยน์ สนับสนุนสถานะเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ในฐานะสกุลเงินหลักของโลก และช่วยคุ้มครองนักลงทุน” นอกจากนี้เขายังกล่าวเสริมว่ากฎหมายนี้จะถูกปรับปรุงโดยรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภค ผู้ออกเหรียญ และผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรม
หากร่างกฎหมายผ่านการอนุมัติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่างระเบียบปฏิบัติภายใน 180 วัน และเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว จะมีช่วงเวลาผ่อนปรน 18 เดือนก่อนที่มาตรการกำกับดูแลจะถูกบังคับใช้อย่างสมบูรณ์
ร่างกฎหมาย STABLE 2025 ยังมีแนวคิดที่สอดคล้องกับ ‘กฎหมาย GENIUS’ ที่สมาชิกวุฒิสภาจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตร่วมเสนอเมื่อเดือนที่แล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวให้คำนิยามของสเตเบิลคอยน์ว่าเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตรึงมูลค่ากับสกุลเงินดอลลาร์ และวางกรอบการกำกับดูแลที่แบ่งผู้ออกเหรียญเป็น ‘กลุ่มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารกลางสหรัฐฯ’ และ ‘กลุ่มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมลรัฐ’
การถกเถียงเกี่ยวกับกฎระเบียบของสเตเบิลคอยน์ยังคงดำเนินต่อไป โดยอุตสาหกรรมคริปโตกำลังจับตาดูว่ากฎหมายนี้จะสามารถสร้างสมดุลระหว่าง ‘การคุ้มครองผู้บริโภค’ และ ‘ความมั่นคงทางการเงิน’ โดยไม่ขัดขวางนวัตกรรมของเทคโนโลยีบล็อกเชนได้หรือไม่
ความคิดเห็น 0