แม้จะมีข่าวดีเกี่ยวกับการรวมกระเป๋าคริปโตของแอป Telegram เข้าไว้กับเครือข่าย แต่ราคาของ *พายเน็ตเวิร์ก(Pi Network)* และ *พายคอยน์(PI)* ยังคงดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาของพายคอยน์ร่วงลงไปแล้วกว่า *61%* และยังขาดแรงกระตุ้นใหม่ๆ ที่จะช่วยพลิกฟื้นบรรยากาศในตลาดคริปโตนี้อีกด้วย
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา การประกาศเชื่อมต่อกับ Telegram เคยถูกคาดว่าอาจช่วยกระตุ้นราคาขึ้นได้ระยะสั้น แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้ามอย่างชัดเจน ดัชนีโบลลินเจอร์แบนด์เทรนด์ (BBTrend) ของพายคอยน์ปรับลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันถึง *12 วัน* และแตะระดับ *-22.34* ซึ่งส่งสัญญาณว่าการเทขายสินทรัพย์ยังไม่หยุดลง ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนในประเด็น *การลิสต์เหรียญกับแพลตฟอร์มใหญ่* อย่าง *ไบแนนซ์* ยิ่งซ้ำเติมภาวะขายออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดปัญหา *KYC*, ความไม่ชัดเจนของเครือข่าย และ *การเลื่อนการลิสต์เหรียญ* ออกไปโดยไม่มีกำหนด ข้อมูลทั้งหมดนี้ยิ่งสร้างความวิตกกังวลในหมู่ผู้ถือเหรียญ
ในด้านเทคนิค ดัชนี RSI หรือ Relative Strength Index ของพายคอยน์เคยลดลงต่ำถึง *23.8* ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อยมาอยู่ที่ *40.45* บ่งชี้ถึงแรงซื้อกลับบางส่วน แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ *50* ซึ่งหมายความว่าตลาดยังอยู่ในโหมดระมัดระวังเป็นส่วนใหญ่ "ความคิดเห็น" นักวิเคราะห์มองว่าการกลับมายืนเหนือเส้นกลาง RSI จะเป็นสัญญาณบวกที่แท้จริงสำหรับแนวโน้มใหม่ในระยะสั้น
ระดับราคาที่ควรจับตาต่อจากนี้คือ *0.718 ดอลลาร์* ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ หากราคาหลุดจากจุดนี้ อาจดำดิ่งสู่แนวรับถัดไปที่ *0.62 ดอลลาร์* ในทางกลับกัน หากสามารถทะลุแนวต้านที่ *1.05 ดอลลาร์* ได้สำเร็จ ก็มีโอกาสเดินหน้าถึง *1.23 ดอลลาร์* และ *1.79 ดอลลาร์* ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในสภาพตลาดที่ขาดปัจจัยกระตุ้นชัดเจน โอกาสเกิดการพุ่งขึ้นเร็วๆ นี้ยังถือว่าน้อย
แม้จะมีโอกาสฟื้นตัวทางเทคนิค แต่หากไม่มี *นโยบายที่สร้างแรงจูงใจ* หรือ *ข่าวบวกจากภายนอก* เข้ามาสนับสนุน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในพายคอยน์อาจจะยังไม่ฟื้นกลับมา การดิ่งของราคาครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการ ‘ย่อตัว’ ทางเทคนิค แต่แสดงให้เห็นถึง ‘ความไม่เชื่อมั่น’ ต่อโมเดลของโปรเจกต์ ซึ่งหาก *พายเน็ตเวิร์ก* ไม่มีการปรับโครงสร้างหรือพัฒนาโปรเจกต์ให้ตอบโจทย์นักลงทุนมากขึ้น ทิศทางในระยะสั้นก็อาจยังคงซบเซาต่อไป
ความคิดเห็น 0