เครือข่ายพาย(Pi Network) ฉลองครบรอบ 6 ปี พร้อมเผยความคืบหน้าและแผนอนาคต อย่างไรก็ตาม ปัญหาความล่าช้าและความไม่แน่นอนยังคงดำเนินต่อไป ส่งผลให้ชุมชนแสดงความไม่พอใจมากขึ้น
เครือข่ายพายเริ่มต้นเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2019 โดยเป็นแพลตฟอร์มขุดเหรียญผ่านมือถือที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน นำโดยทีมพัฒนาที่มีพื้นฐานจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ในช่วงแรก เน้นกลยุทธ์ขยายชุมชนผ่านการขุดโดยใช้แอปพลิเคชัน และในปี 2020 ได้เปิดตัวเครือข่ายทดสอบ(testnet) เพื่อให้เหล่านักพัฒนาสามารถทดลองการทำธุรกรรม PI ได้ ต่อมามีการเพิ่มระบบยืนยันตัวตน(KYC) เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวเครือข่ายหลัก(mainnet)
เมื่อต้นปีนี้ เครือข่ายพายได้เปิดตัว ‘เครือข่ายเปิด(Open Network)’ อย่างเป็นทางการ นับเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้หลายแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเริ่มลิสต์เหรียญ PI อาทิ บิตเก็ต(Bitget), OKX, MEXC และเกตไอโอ(Gate.io) นอกจากนี้ ไบแนนซ์(Binance) กำลังพิจารณาลิสต์เหรียญ PI โดยได้รับการสนับสนุนมากกว่า 86% จากการโหวตของชุมชน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการลิสต์อย่างเป็นทางการ
แม้จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่เครือข่ายพายยังคงเผชิญกับปัญหาความล่าช้า โดยเฉพาะช่วง ‘ระยะเวลาผ่อนผัน(Grace Period)’ ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้ที่ผ่านการตรวจสอบ KYC สามารถโอนสินทรัพย์เข้าสู่เครือข่ายหลักได้ เดิมกำหนดสิ้นสุดวันที่ 28 กุมภาพันธ์ แต่ล่าสุดขยายเวลาออกไปถึงวันที่ 14 มีนาคม ทีมงานยังระบุว่า หากผู้ใช้ไม่ดำเนินการในระยะเวลาที่กำหนด พวกเขาอาจสูญเสียเหรียญ PI ที่ขุดมาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา การเลื่อนกำหนดเวลาอย่างต่อเนื่องและขาดความโปร่งใส ทำให้ความกังวลของชุมชนเพิ่มขึ้น
ในแง่ของราคาตลาด เหรียญ PI มีความผันผวนสูง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้พุ่งแตะ $1.80 ก่อนปรับตัวลงมาอยู่ที่ $1.57 ลดลง 9% ภายใน 24 ชั่วโมง โดยปัจจัยหลักที่อาจมีผลต่อราคาในอนาคต รวมถึงการตัดสินใจของไบแนนซ์เกี่ยวกับการลิสต์เหรียญ PI
แม้เครือข่ายพายจะเดินหน้าฉลองครบรอบปีที่ 6 แต่ความล่าช้าและความไม่แน่นอนยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้ความเชื่อมั่นของชุมชนสั่นคลอน การฟื้นฟูความไว้วางใจจากผู้ใช้อาจต้องอาศัยมาตรการที่โปร่งใสและแนวทางที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0