อุปทานของ ‘สเตเบิลคอยน์’ อาจแตะ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปีนี้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนขาขึ้นรอบใหม่ของตลาดคริปโต จากรายงานเมื่อวันที่ 27 (เวลาท้องถิ่น) โดย CoinFund เดวิด แพคแมน(David Pakman) หุ้นส่วนผู้จัดการของบริษัทเผยว่า กระแสการยอมรับสเตเบิลคอยน์กำลังเร่งตัวขึ้น และอาจทำให้มูลค่ารวมเพิ่มจากระดับราว 225,000 ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน เป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์ได้ภายในสิ้นปี ความเคลื่อนไหวนี้แม้อาจยังเล็กเมื่อเปรียบเทียบกับระดับโลก แต่ถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนสำคัญ’ ของวงการการเงินบนบล็อกเชน
เดวิดยังเน้นว่า การเติบโตของสเตเบิลคอยน์เชื่อมโยงโดยตรงกับ ‘การเงินแบบไร้ตัวกลาง’ หรือ DeFi โดยหากในอนาคตมีการอนุญาตให้กองทุนรวม ETF สามารถแจกจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบสเตคกิ้ง ก็อาจกลายเป็น *ตัวจุดชนวนให้เกิดการเติบโตครั้งใหญ่* ต่อระบบการเงิน DeFi โดยรวม
ข้อมูลจาก Glassnode แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลออนเชนระบุว่า เมื่อวันที่ 28 มีนาคม อุปทานรวมของ 5 สเตเบิลคอยน์หลัก ได้แก่ เทเธอร์(USDT) และ USDC ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 208,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแตะกว่า 219,000 ล้านดอลลาร์ในเวลาต่อมา ตัวเลขดังกล่าวถูกมองว่าเป็นสัญญาณว่า *ตลาดคริปโตยังไม่ถึงจุดสูงสุด* โดยบริษัท IntoTheBlock อธิบายว่า นี่แสดงถึงการสะสมทุนที่มากขึ้นในระบบก่อนการขยายตัวอีกระลอก
นอกจากนี้ บทบาทการใช้สเตเบิลคอยน์ในชีวิตจริงก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว เดวิดชี้ว่า ตั้งแต่ปี 2021 ปริมาณธุรกรรมสเตเบิลคอยน์เติบโตขึ้นถึง *มากกว่า 22 เท่า* โดยแม้ขนาดของธุรกรรมเฉลี่ยจะลดน้อยลง แต่ความถี่กลับเพิ่มขึ้น แสดงถึงแนวโน้มที่ผู้ใช้หันมาใช้สกุลเงินดิจิทัลแบบมีเสถียรภาพนี้เป็น ‘เครื่องมือชำระเงิน’ มากขึ้น
ด้านผู้ก่อตั้งบริษัท CryptoQuant อย่าง กี ยอง จู (Ki Young Ju) ก็เห็นพ้องในจุดนี้ โดยระบุว่าสเตเบิลคอยน์กำลังมีบทบาทมากขึ้นทั้งในเชิงการชำระเงิน การโอนเงินข้ามประเทศ และการทำหน้าที่เป็น ‘แหล่งเก็บมูลค่าทางเลือก’ อย่างไรก็ตาม เขาออกความเห็นว่า เพียงแค่การเติบโตของสเตเบิลคอยน์อย่างเดียวอาจยัง ‘ไม่เพียงพอที่จะผลักดันราคาบิตคอยน์(BTC)’ ให้พุ่งขึ้น และจำเป็นต้องมี ‘แรงขับเคลื่อนอีกประเภท’ มาสมทบอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การขยายตัวของสเตเบิลคอยน์อาจเป็น ‘สัญญาณจุดเปลี่ยนสำคัญ’ สู่การยอมรับคริปโตในวงกว้าง การที่มีเงินทุนจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ระบบออนเชนในรอบนี้ ถูกจับตามองว่าอาจเป็น ‘ตัวเร่งสำคัญ’ ที่ขาดหายไปในตลาดคริปโตตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และมีโอกาสสูงที่ตลาดกำลังจะเข้าสู่ ‘วัฏจักรเติบโตแบบใหม่’ จากฐานรากนี้
ความคิดเห็น 0